ค้นหา
คลังสินค้า คืออะไร และต่างจาก ที่เก็บของ อย่างไรบ้าง?

คลังสินค้า คืออะไร และต่างจาก ที่เก็บของ อย่างไรบ้าง?

เราต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า  คลังสินค้าคืออะไร  กับในยุคที่การค้าและการจัดการสินค้ามีความซับซ้อนมากขึ้น คำว่า  คลังสินค้า "Warehouse" และ ที่เก็บของ "Storage" มักถูกใช้สลับกันในบริบทของการจัดเก็บสินค้า แต่แท้จริงแล้ว ทั้งสองคำนี้มีความหมายและบทบาทที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญในโลกของโลจิสติกส์และการจัดการห่วงโซ่อุปทาน ซึ่ง คลังสินค้า Warehouse เป็นมากกว่าแค่สถานที่เก็บของ แต่เป็นศูนย์กลางสำคัญในการบริหารจัดการสินค้า การกระจายสินค้า และการสร้างมูลค่าเพิ่มในกระบวนการทางธุรกิจ ในขณะ ที่เก็บของ Storage มักหมายถึงพื้นที่จัดเก็บที่มีขนาดเล็กกว่าและมีวัตถุประสงค์การใช้งานที่แคบกว่า ในวันนี้จะพาคุณไปสำรวจความแตกต่างที่สำคัญระหว่างคลังสินค้าและ Storage ตั้งแต่ขนาดและการออกแบบ ไปจนถึงระบบการจัดการและบทบาทในห่วงโซ่อุปทาน

warehouse คืออะไร

คลังสินค้าคืออะไร (Warehouse)

คลังสินค้าคืออะไร (Warehouse)   คือสถานที่สำหรับวางสินค้า จัดเก็บ พัก กระกระจายสินค้าคงคลัง ซึ่งคลังสินค้ามีชื่อเรียกหลากหลายชื่อ อาทิเช่น ศูนย์กระจายสินค้า ศูนย์จำหน่ายสินค้า หรือ โกดังสินค้า ซึ่งคำว่าคลังสินค้าจึงเป็นความหมายรวมๆ ส่วนการเรียกชี่อแต่ละชื่อนั้นก็ขึ้นอยู่กับทางฟังก์ชั่นของคลังสินค้าแต่ละประเภท ซึ่งคลังสินค้าที่รับสินค้าเข้ามาทำการคัดแยกแล้วกระจายออกไป จะถูกเรียกว่า ศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Center) โดยปกติแล้วคลังสินค้าจะทำหน้าที่จัดเก็บสินค้า วัตถุดิบต่างๆ หรือเก็บงานระหว่างการผลิตเป็นหลัก ซึ่งคลังสินค้ามีหลากหลายประเภท ซึ่งจะมีรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกันออกไปอีก ซึ่งทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการแบ่งประเภท โดยจำแนกหลัก ๆ ได้ดังต่อไปนี้

  1. ตามลักษณะธุรกิจ
  2. ตามลักษณะของงาน
  3. ตามลักษณะของตัวสินค้า
  4. ตามจุดมุ่งหมายในการประกอบกิจการ
  5. ตามลักษณะทางกายภาย

เลือกคลังสินค้าอย่างไรให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ

คลังสินค้านั้นถูกแบ่งออกได้อย่างหลากหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทนั้นก็เหมาะกับธุรกิจที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นแล้วถ้าหากคุณเป็นผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจ คุณจำเป็นที่จะต้องศึกษาถึง ระบบ WMS และรายละเอียดเกี่ยวกับคลังสินค้าในแต่ละประเภท เพื่อให้สามารถเลือกคลังสินค้าได้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณมากที่สุด โดยทั่วไปแล้วนั้น คลังสินค้าจะแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆดังต่อไปนี้ คือ 
  1. คลังสินค้าทั่วไป
    คลังสินค้าทั่วไปนี้ ใช้สำหรับการจัดเก็บสินค้าเพื่อการอุปโภค สินค้าสำเร็จรูป เครื่องใช้ต่างๆ หรือจะเป็นในส่วนของอะไหล่ชิ้นส่วนต่างๆ ก็สามารถเข้าเก็บรักษาได้ที่คลังสินค้าทั่วไป
  2. คลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิ
    หรือเรียกอีกชื่อว่าคลังสินค้าห้องเย็นเหมาะสำหรับการจัดเก็บสินค้าที่มีลักษณะเป็นของสด เช่น ผัก ผลไม้ อาหาร เครื่องดื่ม หรืออาหารทะเล
    สามารถอ่านต่อได้ที่  คลังสินค้าห้องเย็น มีกี่ประเภท
  3. คลังสินค้าอันตราย
    คลังสินค้าประเภทนี้ ใช้สำหรับการจัดเก็บสินค้าหรือวัตถุดิบที่มีส่วนประกอบที่อาจเป็นอันตรายหรืออุตสากรรมที่เกี่ยวกับของกับเคมี สารพิษ เชื้อเพลิง หรือวัตถุไวไฟ วัตถุระเบิด 
  4. คลังสินค้าพิเศษ
    คลังสินค้าประเภทนี้นั้น ใช้สำหรับการจัดเก็บสินค้าที่มีมูลค่า เช่น เครื่องสำอาง ยาและเวชภัณฑ์ต่างๆ อีกทั้งยังรวมถึงสารเคมีบางชนิดอีกด้วย 

ประเภทคลังสินค้าแบ่งตามลักษณะรูปแบบงาน

  1. คลังสินค้าสำหรับเก็บรักษา
    คลังสินค้าประเภทนี้นั้น จะใช้เพื่อสำหรับการจัดเก็บรักษาสินค้าเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการจัดเก็บสินค้าสำเร็จรูป ชิ้นส่วนต่างๆ หรือ วัตถุดิบที่รอส่งต่อไปยังกระบวนการผลิต ดังนั้นแล้วคลังสินค้าประเภทนี้มีระบบรักษาสภาพสินค้าและป้องกันการสูบหายของสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
  2. ศูนย์กระจายสินค้า
    ศูนย์กระจายสินค้านี้ คือ คลังสินค้าที่ทำหน้าที่ทั้งการจัดเก็บสินค้าและกระจายสินค้าระหว่างผู้ผลิตไปยังผู้ขายปลีก โดยอาจจะรวมถึงผู้ประกอบการทางด้านโลจิสติกส์ที่รับสินค้าจากผู้ผลิตแต่ละรายมาเก็บไว้ในคลังสินค้าของตน เพื่อจัดการด้านการขนส่งสินค้าไปยังลูกค้าแทนผู้ผลิต 
  3. ศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้า
    ศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้านี้ คือ คลังสินค้าที่ใช้ในการรับสินค้า เปลี่ยนถ่ายสินค้า และ ส่งสินค้าในเวลาเดียวกัน ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องมีการรับสินค้าจากผู้ผลิตหลายๆที่ เพื่อนำมาคัดแยกและจัดส่งสินค้าให้กับทางลูกค้าอีกต่อไป 

ความสำคัญของคลังสินค้า

1. การจัดการสินค้าคงคลัง : ช่วยควบคุมปริมาณสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการ
2. การลดต้นทุน : ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่งและการผลิต
3. การรักษาคุณภาพสินค้า : ป้องกันความเสียหายและเสื่อมสภาพของสินค้า
4. การกระจายสินค้า : ช่วยให้สินค้าถึงมือลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น
5. การวางแผนธุรกิจ : ให้ข้อมูลสำหรับการวางแผนการผลิตและการตลาด
6. การสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน : ช่วยให้ธุรกิจตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ดีขึ้น

ประเภทคลังสินค้าแบ่งตามลักษณะที่ตั้ง 

1. คลังสินค้าในเมือง (Urban Warehouse)
ตั้งอยู่ใกล้แหล่งชุมชนหรือย่านธุรกิจ ที่เน้นการกระจายสินค้าให้ผู้บริโภคโดยตรงและมีข้อจำกัดด้านพื้นที่และการขยายตัว

2. คลังสินค้าชานเมือง (Suburban Warehouse)
ตั้งอยู่บริเวณรอบนอกเมือง มีพื้นที่กว้างขวางสามารถรองรับสินค้าจำนวนมากได้ โดยมีค่าที่ดินและค่าดำเนินการต่ำกว่าในเมือง

3. คลังสินค้าในพื้นที่อุตสาหกรรม (Industrial Park Warehouse)
ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมหรือเขตอุตสาหกรรมใกล้แหล่งผลิตและระบบขนส่ง มีสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานพร้อม

4. คลังสินค้าท่าเรือ (Port Warehouse)
ตั้งอยู่บริเวณท่าเรือรองรับสินค้านำเข้าและส่งออก โดยมีอุปกรณ์ขนถ่ายสินค้าเฉพาะทาง

5. คลังสินค้าสนามบิน (Airport Warehouse)
ตั้งอยู่ใกล้หรือในบริเวณสนามบิน เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องขนส่งทางอากาศ และมีระบบรักษาความปลอดภัยสูง

storage คือ อะไร

Storage (ที่เก็บของ) คืออะไร

Storage ในบริบทของการเก็บสินค้า หมายถึงพื้นที่หรือสถานที่ที่ใช้สำหรับจัดเก็บวัตถุ สินค้า หรือวัสดุต่างๆ เป็นการชั่วคราวหรือระยะยาว แม้ว่าจะดูเหมือนเป็นแนวคิดที่เรียบง่าย แต่ Storage มีบทบาทสำคัญในการดำเนินธุรกิจและชีวิตประจำวันของเรา

ในโลกธุรกิจ Storage มีความสำคัญอย่างยิ่งในการจัดการสินค้าคงคลัง โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลางที่อาจไม่ต้องการพื้นที่คลังสินค้าขนาดใหญ่ Storage ช่วยให้ธุรกิจสามารถเก็บสินค้าไว้ในปริมาณที่เหมาะสม พร้อมสำหรับการจัดส่งหรือจำหน่าย โดยไม่ต้องลงทุนในพื้นที่ขนาดใหญ่

นอกจากนี้ Storage ยังมีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับขนาดได้ตามความต้องการ ทำให้เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีความต้องการพื้นที่จัดเก็บที่เปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลหรือตามความต้องการของตลาด ธุรกิจสามารถเช่าพื้นที่ Storage เพิ่มเติมในช่วงที่มีความต้องการสูง และลดลงเมื่อความต้องการลดลง ช่วยในการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ในแง่ของการจัดการ Storage มักจะมีระบบที่เรียบง่ายกว่าคลังสินค้าขนาดใหญ่ แต่ก็ยังต้องมีการจัดการที่ดี เช่น การทำระบบบันทึกสินค้าที่จัดเก็บ การจัดวางสินค้าให้เป็นระเบียบเพื่อง่ายต่อการค้นหา และการควบคุมสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับสินค้าที่จัดเก็บ

Storage ยังมีบทบาทสำคัญในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โดยเฉพาะสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยที่อาจไม่มีพื้นที่เก็บสินค้าของตนเอง การใช้บริการ Storage ช่วยให้สามารถบริหารจัดการสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องพื้นที่จัดเก็บในบ้านหรือออฟฟิศ นอกเหนือจากการใช้งานในเชิงธุรกิจ Storage ยังมีประโยชน์สำหรับบุคคลทั่วไป เช่น การเช่าพื้นที่เก็บของส่วนตัว เพื่อเก็บสิ่งของที่ไม่ได้ใช้งานบ่อย หรือในช่วงที่กำลังย้ายบ้าน ทำให้การจัดการพื้นที่ในบ้านมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Warehouse กับ Store ต่างกันอย่างไร

แม้ว่าทั้งคลังสินค้าและ Storage จะเกี่ยวข้องกับการจัดเก็บสินค้า แต่ทั้งสองคำนี้มีความแตกต่างที่สำคัญในแง่ของขนาด วัตถุประสงค์ และการบริหารจัดการ คลังสินค้า หมายถึงอาคารหรือสถานที่ขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการจัดเก็บสินค้าในปริมาณมาก มักใช้ในระบบโลจิสติกส์และการจัดการห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจ คลังสินค้ามีระบบการจัดการที่ซับซ้อน รวมถึงการควบคุมสินค้าคงคลัง การจัดการพื้นที่ และการกระจายสินค้า นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์เฉพาะทาง เช่น รถโฟร์คลิฟท์ ชั้นวางสินค้าแบบต่างๆ และระบบจัดการคลังสินค้าที่ทันสมัย

ในทางตรงกันข้าม Storage มักหมายถึงพื้นที่จัดเก็บขนาดเล็กกว่า ที่ใช้สำหรับเก็บของส่วนตัวหรือสินค้าในปริมาณที่น้อยกว่า Storage อาจเป็นห้องเก็บของในบ้าน ตู้เก็บของ หรือพื้นที่ให้เช่าสำหรับเก็บของส่วนตัว การจัดการ Storage มักจะเรียบง่ายกว่า ไม่ต้องใช้ระบบหรืออุปกรณ์พิเศษมากนัก

ความแตกต่างที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือวัตถุประสงค์การใช้งาน คลังสินค้ามักใช้ในเชิงพาณิชย์ เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทางธุรกิจ มีการหมุนเวียนสินค้าเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ ในขณะที่ Storage มักใช้สำหรับการเก็บของระยะยาว โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายบ่อยนัก นอกจากนี้ คลังสินค้ายังมีบทบาทสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า เช่น การคัดแยก บรรจุหีบห่อ หรือการประกอบชิ้นส่วน ในขณะที่ Storage มักจะเป็นเพียงพื้นที่เก็บของโดยไม่มีกิจกรรมเพิ่มมูลค่า

ในแง่ของการเข้าถึงคลังสินค้ามักจะมีการควบคุมการเข้าออกอย่างเข้มงวด มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ซับซ้อน และมีพนักงานดูแลตลอดเวลา ส่วน Storage อาจมีระบบรักษาความปลอดภัยที่เรียบง่ายกว่า และผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงได้สะดวกกว่า แม้ว่าทั้งคลังสินค้าและ Storage จะมีจุดประสงค์หลักในการจัดเก็บสิ่งของ แต่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญในแง่ของขนาด ความซับซ้อนในการบริหารจัดการ วัตถุประสงค์การใช้งาน และบทบาทในกระบวนการทางธุรกิจ ความเข้าใจในความแตกต่างนี้จะช่วยให้องค์กรและบุคคลสามารถเลือกใช้วิธีการจัดเก็บที่เหมาะสมกับความต้องการของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
warehouse คลังสินค้าคืออะไร

โคโนอิเกะ คูล โลจิสติกส์  ผู้ให้บริการ ขนส่งควบคุมอุณหภูมิ  ที่สามารถจัดการสินค้าได้หลากหลายตั้งแต่อาหารสดไปจนถึงส่วนประกอบที่มีความแม่นยำ และแม้กระทั่งการขนส่งพืชสำหรับการก่อสร้างโรงงานในต่างประเทศ เราสนับสนุนธุรกิจระดับโลกของลูกค้าของเราด้วยการนำเสนอการขนส่งข้ามพรมแดนรวมถึง Express Series ที่ช่วยลดเวลาการขนส่งทางทะเลไปยังญี่ปุ่น อีกทั้งยังให้บริการ คลังสินค้าและขนส่งควบคุมอุณหภูมิ ผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO9001:2015, GHPs, Food Defense, GSDP ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทชั้นนำในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน หากคุณมีข้อสงสัย

ติดต่อ บริษัท โคโนอิเกะ คูล โลจิสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ทาง
โทรศัพท์ 02-337-3013 
Sales Department  : 063-269-0135  คุณสมคิด
Sales Department : 061-393-7998  คุณมินนี่ 
Line id : @495apobz



ข้อมูลจาก
capitolnorthamerican.com/
golocad.com/
simplfulfillment.com

แชร์บทความ หรือข่าวสาร

Facebook
Line
Mail