ค้นหา
ธุรกิจโลจิสติกส์ขยายตัวในไทย ทำไม 3PL ถึงเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้น?

ธุรกิจโลจิสติกส์ขยายตัวในไทย ทำไม 3PL ถึงเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้น?

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาธุรกิจโลจิสติกส์ในประเทศไทยมีการขยายตัวแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะในยุคหลังโควิด-19 ที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ธุรกิจอีคอมเมิร์ซขยายตัวอย่างต่อเนื่องและการค้าขายออนไลน์กลายเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจ ส่งผลให้ธุรกิจต่างๆ หันมาใช้บริการ 3PL (Third-Party Logistics)   มากขึ้น จนกลายเป็นตัวเลือกหลักที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการอย่างมาก 

3PL (Third-Party Logistics) คืออะไร?

3PL หรือ Third-Party Logistics คือ การว่าจ้างบุคคลภายนอก หรือผู้ให้บริการจากภาคเอกชน มาดำเนินการด้านโลจิสติกส์ให้กับธุรกิจ โดยครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการจัดเก็บ บริหารคลังสินค้า บรรจุหีบห่อ จัดส่งสินค้า ไปจนถึงบริการหลังการขาย เช่น การรับคืนสินค้า (Reverse Logistics)

กล่าวอีกนัยหนึ่ง 3PL คือ ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจร ซึ่งเข้ามาทำหน้าที่แทนเจ้าของธุรกิจในกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับซัพพลายเชน (Supply Chain) 


ลักษณะสำคัญของบริการ 3PL

1. มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง

บริการ 3PL  ดำเนินการโดยองค์กรอิสระที่ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของบริษัทผู้ว่าจ้าง โดยมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในกระบวนการจัดการโลจิสติกส์ ตั้งแต่การจัดเก็บ บริหารสินค้า ไปจนถึงการขนส่ง ซึ่งช่วยแบ่งเบาภาระของธุรกิจในการดูแลด้านซัพพลายเชน
ธุรกิจโลจิสติกส์ขยายตัวในไทย ทำไม 3PL ถึงเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้น?

2. ครอบคลุมการให้บริการในหลากหลายขั้นตอน

ผู้ให้บริการ 3PL มักมีบริการแบบครบวงจร ครอบคลุมหลายขั้นตอนหลัก ได้แก่
  • Inbound Logistics การรับเข้าและจัดเก็บสินค้า
  • Warehouse Management การบริหารคลังสินค้าอย่างมีระบบ
  • Pick & Pack การหยิบสินค้าและบรรจุหีบห่อ
  • Distribution & Transportation การกระจายสินค้าและการจัดส่ง
  • Returns Management การบริหารจัดการสินค้าคืนจากลูกค้า

3. ความยืดหยุ่นในการให้บริการตามปริมาณความต้องการ

บริการ 3PL สามารถปรับขนาดการดำเนินงานให้สอดคล้องกับความต้องการของธุรกิจได้อย่างยืดหยุ่น เช่น ในช่วงที่มียอดสั่งซื้อเพิ่มสูงขึ้น เช่น เทศกาลหรือช่วงโปรโมชั่น ผู้ให้บริการสามารถเพิ่มพื้นที่จัดเก็บ พนักงาน หรือจำนวนรอบการจัดส่ง เพื่อรองรับความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ข้อดีของการใช้บริการ 3PL 

1. ลดต้นทุนและเพิ่มความยืดหยุ่นทางธุรกิจ

การจัดตั้งระบบโลจิสติกส์ของตนเองถือเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน เช่น คลังสินค้า ยานพาหนะ และระบบ IT ตลอดจนค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างพนักงานและบริหารจัดการ การใช้บริการจาก 3PL ช่วยลดต้นทุนเหล่านี้ลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับ ธุรกิจ SME หรือสตาร์ทอัพ ที่ต้องการบริหารงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ 3PL ยังช่วยเสริมความ ยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจ โดยสามารถขยายหรือลดขนาดการให้บริการตามฤดูกาลหรือปริมาณคำสั่งซื้อ เช่น ในช่วงเทศกาลที่มีคำสั่งซื้อพุ่งสูง ผู้ให้บริการ 3PL   สามารถเพิ่มทีมงานหรือพื้นที่จัดเก็บสินค้าเพื่อรองรับความต้องการได้อย่างรวดเร็ว

2. ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง

ผู้ให้บริการ 3PL มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ และมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ เช่น ระบบการจัดการคลังสินค้าอัตโนมัติ (Warehouse Management System: WMS), ระบบติดตามสถานะสินค้าแบบเรียลไทม์ (Real-time Tracking), และการวางแผนเส้นทางขนส่งอัจฉริยะ (Smart Routing) โดยความเชี่ยวชาญเหล่านี้ช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างแม่นยำ มีประสิทธิภาพ และประหยัดต้นทุน ซึ่งธุรกิจทั่วไปอาจไม่สามารถพัฒนาได้ด้วยตนเองในระยะเวลาอันสั้น การเลือกใช้ 3PL จึงถือเป็นการเข้าถึง "ความพร้อมทางเทคโนโลยีและความรู้" โดยไม่ต้องลงทุนเองทั้งหมด
ธุรกิจโลจิสติกส์ขยายตัวในไทย ทำไม 3PL ถึงเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้น?

3. รองรับและสนับสนุนการขยายตลาด

เมื่อธุรกิจมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีและมากขึ้น หากต้องการขยายไปยังจังหวัดหรือประเทศอื่นๆ อาจต้องอาศัยบริการ 3PL ที่มีพันธมิตร เครือข่ายศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Centers) และจุดบริการในหลายพื้นที่ ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบสำคัญของบริการ 3PL อีกทั้งยังสามารถช่วยดำเนินการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ หรือรองรับการส่งออกไปยังต่างประเทศได้อย่างราบรื่น 

การใช้บริการ 3PL ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน แต่ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัล จึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้ให้บริการ 3PL กลายเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจยุคใหม่ในประเทศไทย

โดยในปัจจุบัน   บริษัท โคโนอิเกะ คูล โลจิสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด   ถือเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร (3PL) ที่ได้รับความเชื่อมั่นจากหลากหลายองค์กรชั้นนำในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ด้วยจุดแข็งด้านความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในการบริหารจัดการโลจิสติกส์ควบคุมอุณหภูมิ การให้บริการที่ครอบคลุมทุกกระบวนการ รวมถึงการได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล ISO9001:2015, GHPs, Food Defense และ GSDP จึงทำให้บริษัทสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยืนหยัดเป็นพันธมิตรที่ไว้วางใจได้ในระยะยาว

โคโนอิเกะ มีการบริการคลังสินค้าและขนส่งควบคุมอุณหภูมิระดับพรีเมียม ขนส่งเหมาเที่ยว เหมาคันไปถึงจุดหมายปลายทาง ครบจบในที่เดียว มีการรองรับสินค้าหลากหลายประเภทตั้งแต่อาหารสด แช่แข็ง แช่เย็น สินค้าทั่วไป จนถึงสินค้าที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ 

การขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิมีให้บริการตั้งแต่ -18°C ถึง +18°C อีกทั้งรถขนส่งมีให้บริการตั้งแต่รถ 4 ล้อ 6 ล้อ 10 ล้อ ไปจนถึงรถ 18 ล้อ ที่พร้อมให้บริการทั้งงานขนส่งและกระจายสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ตรงเวลา ทำให้มั่นใจคุณภาพของการขนส่งได้ทุกเที่ยว 
บริษัท โคโนอิเกะ คูล โลจิสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด
สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ทางโทรศัพท์ 02-337-3013
  
Sales Department: 063-269-0135 คุณสมคิด
Sales Department: 061-393-7998 คุณมินนี่
Sales Department: 063-269-0136  สายป่าน

หรือ Line id: @495apobz และ อีเมล sa@kclt.konoike.net

แชร์บทความ หรือข่าวสาร

Facebook
Line
Mail

บทความที่เกี่ยวข้อง