จึงใคร่ขอแตกประเด็นให้ทราบ เพื่อเป็นความรู้ และเข้าใจมากขึ้น ก่อนที่จะใช้บริการ เพราะท้ายที่สุดแล้วการเลือกใช้บริการใดๆ ก็ตาม ผู้ใช้บริการย่อมคาดหวังว่า ผู้ให้บริการจะช่วยแก้ไขปัญหา และตอบโจทย์ของผู้ใช้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. บริษัทที่จะเลือกใช้บริการหาพนักงาน outsource
ควรศึกษาประวัติของบริษัท ฯ ที่จะใช้บริการให้ดี เพื่อจะได้ทราบความมั่นคงทั้งในด้านสภาพคล่องทางการเงิน และความถูกต้องทางกฎหมาย เพราะบริษัทฯ ให้บริการด้านหาพนักงาน outsource ที่ดีนั้นควรมีสภาวะทางการเงินที่ดี มีบริษัทฯในเครือ หรือในกลุ่มที่หลากหลาย เนื่องจากบริษัทฯ ที่ให้บริการนี้มีหน้าที่ดูแลการจ่ายเงินเดือน หรือค่าจ้างแทนผู้ใช้บริการที่พนักงานพึงได้จากการทำงาน และต้องเท่าเทียมกันกับพนักงานของบริษัทผู้ใช้บริการภายใต้กฎหมายแรงงานไทย อันหมายถึงเบี้ยประกันสังคม เบี้ยกองทุน และสวัสดิการต่างๆ โดยอาจจะขอศึกษาจากเอกสารการจัดตั้งบริษัทฯ และทุนการจัดตั้งบริษัท รวมทั้ง ภพ.20 ซึ่งจะเป็นข้อบ่งชี้ว่าบริษัทฯ นั้นมีการจดทะเบียนที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งอาจจะมีบางบริษัทที่ให้บริการด้านการหาพนักงาน outsource ที่ยังขาดเงื่อนไขภายใต้การจดทะเบียนอยู่
2.การบริการหาพนักงานoutsource ที่บริษัทฯ นั้นมีอยู่
ศึกษาถึงบริการที่บริษัทฯ นั้นมีทางเลือกที่ดี หลากหลายและเอื้อประโยชน์มากน้อยเพียงใด โดยหลักๆ แล้วบริษัทผู้ให้บริการหาพนักงาน outsource จะมีบริการที่หลากหลายแตกต่างกันไป เพื่อช่วยตอบโจทย์ของผู้ใช้บริการให้มากที่สุด หลักๆ แล้วบริการหาพนักงาน outsource จะมี 3 บริการด้วยกัน
2.1.หาพนักงาน outsource แบบพนักงานรายวัน ซึ่งส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่พนักงานในไลน์ผลิต โดยที่บริษัทฯ จะเข้าไปร่วมปรึกษาหารือกับผู้ใช้บริการ เพื่อศึกษาปัญหา และหาวิถีทางแก้ไขปัญหาร่วมกันแก้ไขปัญหา รวมทั้งตกลงค่าบริการที่ตรงกันและเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย จากนั้นก็จะดำเนินการสรรหาพนักงาน นำส่งให้ ตามที่ได้ตกลงกันจนครบจำนวน ทำจ่ายเงินเดือน และสวัสดิการต่างๆ ของพนักงานตามกฎหมายแรงงาน และเงื่อนไขของบริษัทฯ ตามรอบการชำระค่าบริการในการจัดหาพนักงาน outsource
2.2.หาพนักงาน outsource แบบพนักงานรายเดือน หลักการจะคล้ายกับพนักงานรายวัน เพียงแต่การทำจ่ายเงินเดือนสำรองแทนไปก่อน เป็นรายเดือน ตามที่ผู้ใช้บริการได้ตกลงกับพนักงาน ทั้งนี้บริษัทผู้ให้บริการจะทำการสรรหาพนักงานรายเดือนนั้นมาให้คัดเลือก ทำการสัมภาษณ์ จนมีการจ้างงานเกิดขึ้น
2.3.การโอนย้าย หรือโอนฝากพนักงาน หมายถึงบริษัทฯ มีพนักงานจำนวนหนึ่ง แต่ไม่ประสงค์ที่จะทำจ่ายเงินเดือน และสวัสดิการเอง จึงนำมาฝากให้บริษัทผู้ให้บริการทำหน้าที่ดังกล่าวแทนทุกอย่าง ตามหลักการดังกล่าวในข้อที่หนึ่งในการจัดหาพนักงาน outsource
นอกเหนือจากบริการดังกล่าวแล้ว อาจจะมีบริการหาพนักงาน outsource ที่แตกย่อยออกมาอีก เช่นจ้างพนักงานทำงานเป็นรายชั่วโมง รายสัปดาห์ รายหนึ่งเดือน หรือมากกว่า ทั้งนี้พนักงานเหล่านี้ต้องทำสัญญาจ้างงานภายใต้บริษัทผู้ให้บริการ เพื่อทำหน้าที่แทนในการทำจ่ายเงินเดือน สวัสดิการต่างๆ แม้แต่ข้อกรณีพิพาทของพนักงาน ให้ถูกต้องตามกฎหมายแรงงาน
3. ข้อดีของการใช้บริการหาพนักงาน outsource
หลายบริษัทฯ หรือองค์การต่างๆ มักจะมองว่าการใช้บริการหาพนักงาน outsource นั้นแพง ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น แต่ถ้าหากลองคำนวณค่าใช้จ่ายแฝงที่เกิดขึ้น จะมองเห็นว่าค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมาเพียงเล็กน้อยนั้น คุ้มค่ามากแค่ไหน จึงขอนำเสนอข้อดีของการใช้บริการหาพนักงาน outsource ดังนี้
> ประหยัดค่าใช้จ่ายแฝงอันมหาศาล ของผู้ใช้บริการหาพนักงาน outsources
> ประหยัดค่าใช้จ่ายในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ในช่องทางต่างๆ เช่น เว็บไซด์ ป้าย ใบปลิว จ้างพนักงานสรรหา ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าอื่นๆ อีกมากมาย
> ประหยัดเวลาในการคัดสรรหาพนักงาน และสัมภาษณ์ เพราะบริษัทผู้ให้บริการดำเนินการให้
> ประหยัดค่าชุดพนักงาน และค่าจัดหาชุดพนักงานในกรณีที่มีการตกลงร่วมกันที่ถูกต้อง
> เจ้าหน้าที่ของบริษัทผู้ใช้บริการ มีเวลาไปทำอย่างอื่นให้เกิดคุณค่าต่อองค์การมากขึ้น
> ไม่ต้องทำระบบ Payroll หรือคิดคำนวณการจ่ายเงินค่าจ้างในแต่ละรอบการจ่ายเอง
> ประหยัดค่า สลิป เงินเดือน ค่าหมึกปริ้น และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
> ประหยัดค่าโอนเงินเดือนผ่านธนาคารรายหัว
> ไม่เสียเวลาในการตักเตือน ลงโทษพนักงาน หรือแม้แต่การเลิกจ้าง กรณีที่มีการตกลงร่วมกันที่ถูกต้อง
> ประหยัดในเรื่องเอกสารในการทำธุรกรรม สัญญาจ้างงานต่างๆ กับพนักงาน
> หาพนักงานได้ รวดเร็ว ทันการณ์ รวมทั้งการหาพนักงานทดแทน
> ไม่ต้องเสี่ยงเรื่องกรณีพิพาททางกฎหมายแรงงาน
> ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเลิกจ้างอันมหาศาล กรณีที่มีการตกลงร่วมกันที่ถูกต้อง
นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายข้างต้นนั้น หากคิดคำนวณค่าใช้จ่ายแฝงแล้วจะเห็นว่าผู้ใช้บริการคุ้มค่ามากในหลายด้าน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ต้องหาพนักงาน outsource เพื่อมาทำงานระยะเวลาสั้นๆ ในช่วงที่มีออร์เดอร์เยอะ หรือต้องการปิดออร์เดอร์ปลายปี เป็นต้น
4. เหตุผลทำไมบริษัทฯ ต้องใช้บริการหาพนักงาน outsource
ผู้ใช้บริการต้องหารือกับหลายฝ่าย เช่น ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ ฝ่ายการเงิน ฝ่ายวางแผนการผลิต ฯลฯ เพื่อหาสาเหตุว่าทำไมจำเป็น และถึงเวลาที่ต้องใช้บริการหาพนักงาน outsource ส่วนใหญ่จะมาจากหลายสาเหตุประกอบการพิจารณาในการใช้บริการดังนี้
> ฝ่ายสรรหาพนักงานเริ่มหาพนักงานไม่ทันเนื่องจากมีการขาดลา หรือลาออกของพนักงานที่สูงขึ้น จึงจำเป็นต้องใช้บริการหาพนักงาน outsource มาเสริม หรือเติมเต็มแรงงานที่ขาดหายไป
> ฝ่ายวางแผนการผลิตเริ่มมีปัญหาเรื่องกำลังผลิต ส่งผลให้ผลิตไม่ทันตามออร์เดอร์ หรือทันตามความต้องการของลูกค้า
> ความต้องการแรงงานของแต่ละบริษัทฯ ในพื่นที่เริ่มสูงขึ้น มีการแข่งขันในสรรหาพนักงานในกลุ่มเดียวกันมากขึ้น ทำให้ขาดแคลนแรงงาน ไม่ทันต่อสถานการณ์การผลิต
> ความต้องการแรงงานในช่วงเทศกาล วันหยุดยาว มีมากขึ้น เพื่อมาเสริมกำลังแรงงานของพนักงานที่ลางานกลับบ้าน และบางทีไม่กลับมาทำงานที่เดิม
> เมื่อได้คำนวณค่าใช้จ่ายแฝง ที่ดำเนินการหาพนักงานเองแล้ว ว่ามันมากมาย ควรหันมาใช้บริการหาพนักงาน outsource
ไม่ว่าจะได้เหตุผลใดในการใช้บริการ หลายบริษัทเห็นประโยชน์ และข้อดีในการใช้บริการหาพนักงาน outsource ทั้งในด้านการประหยัดค่าใช้จ่าย และประหยัดเวลา ตลอดจนบางเรื่องเกี่ยวกับสรรหาพนักงานทดแทน ปัญหาตักเตือน เลิกจ้างพนักงาน สามารถผลักภาระนั้นให้เป็นหน้าที่ของให้ผู้บริการ จึงได้มีการเรียกตัวแทนจากบริษัทฯ ผู้ให้บริการเหล่านั้นเขาไปพูดคุยนำเสนอบริการ ทั้งในฐานะเป็นผู้ให้บริการ ให้คำปรึกษา ตลอดจนหานวัตกรรมใหม่ๆ ในการสรรหาพนักงาน outsource เข้ามา จนกลายเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ดี ร่วมกัน เพื่อให้ผลรวมในการทำงานของตนง่าย รวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์มากขึ้น
โดยพิจารณาจากประเด็นที่นำเสนอไว้ และนอกเหนือจากนี้ทั้งผู้ใช้บริการ และผู้ให้บริการต้องเข้าใจหลักการเดียวกันว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของการใช้บริการหาพนักงาน outsource นั้นคือการเข้ามาร่วมกัน จับมือกันแก้ไขปัญหาร่วมกันเชิงนวัตกรรม เพื่อความสำเร็จของทั้งสองฝ่ายให้ก้าวไปอย่างสง่างาม และประสบความสำเร็จในโลกของการแข่งขันทางธุรกิจ