ค้นหา
Preventive Maintenance (PM) คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร

Preventive Maintenance (PM) คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร

การดูแลรักษาเชิงป้องกัน หรือ Preventive Maintenance (PM) คือกระบวนการที่องค์กรดำเนินการควบคู่ไปกับการใช้งานของเครื่องจักร อุปกรณ์ต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายหรือการหยุดชะงักของการดำเนินงาน ซึ่งแตกต่างจากการซ่อมบำรุงที่ทำเมื่อเกิดปัญหาขึ้น (Reactive Maintenance) การดูแลรักษาเชิงป้องกันนี้มีประโยชน์อย่างมากต่อองค์กร ประการแรก ช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักร อุปกรณ์ต่างๆ ให้ใช้งานได้นานขึ้น ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและเปลี่ยนอะไหล่ใหม่ ประการที่สอง ช่วยลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น การหยุดชะงักของการผลิต ซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนและรายได้ขององค์กร ประการที่สาม ช่วยรักษาประสิทธิภาพและคุณภาพการผลิต เนื่องจากเครื่องจักรได้รับการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ และสุดท้าย ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร แสดงถึงความรับผิดชอบต่อสินค้าและบริการที่จัดหาให้แก่ลูกค้า

Preventive Maintenance

ประเภทของการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน

การบำรุงรักษาเชิงป้องกันนั้นมี 3 ประเภทหลัก ได้แก่ การบำรุงรักษาตามเวลา การบำรุงรักษาตามการใช้งาน และการบำรุงรักษาตามสภาพ
  1. การบำรุงรักษาตามเวลา (Time-based Maintenance)
       • การบำรุงรักษาประเภทนี้จะกำหนดช่วงเวลาในการดำเนินการ เช่น ทุก 10 วัน, ทุกเดือน หรือทุกไตรมาส เป็นต้น โดยไม่ขึ้นกับการใช้งานจริงของอุปกรณ์
       • ผู้ผลิตมักจะแนะนำแนวทางการดูแลรักษาที่เหมาะสมสำหรับอุปกรณ์แต่ละประเภท
  2. การบำรุงรักษาตามการใช้งาน (Usage-based Maintenance) 
       • การบำรุงรักษาประเภทนี้จะถูกกระตุ้นเมื่อสินทรัพย์ถึงเกณฑ์การใช้งานตามที่กำหนด เช่น หลังจากการใช้งานไปเป็นระยะทางหรือช่วงเวลาที่ระบุ
       • ตัวอย่างเช่น การบำรุงรักษารถยนต์ทุก 10,000 กิโลเมตร
  3. การบำรุงรักษาตามสภาพ (Condition-based Maintenance)
       • เป็นการตรวจสอบสภาพของอุปกรณ์เป็นระยะ เพื่อพิจารณาว่าควรทำการบำรุงรักษาเมื่อใด
       • จะมีการใช้เครื่องมือตรวจสอบ เช่น การวัดระดับการสั่นสะเทือน เพื่อระบุว่าควรมีการซ่อมบำรุงหรือไม่
       • เกณฑ์การตรวจสอบสภาพจะถูกกำหนดขึ้นเพื่อตรวจจับสัญญาณที่บ่งชี้ถึงประสิทธิภาพที่ลดลงหรือความเสี่ยงของความล้มเหลว

ทีมบำรุงรักษาสามารถนำประเภทการบำรุงรักษาเชิงป้องกันเหล่านี้มาใช้ร่วมกันตามความเหมาะสมกับสินทรัพย์ขององค์กร เพื่อป้องกันความล้มเหลวที่ไม่ได้วางแผนไว้ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของอุปกรณ์ให้ยาวนานที่สุด

ประโยชน์ของการดำเนินการ Preventive Maintenance (การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน)

การดำเนินการ Preventive Maintenance หรือการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน มีประโยชน์อย่างมากสำหรับภาคอุตสาหกรรมและการดำเนินธุรกิจ ดังนี้:
  1. ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและเปลี่ยนอุปกรณ์/เครื่องจักรใหม่
       • การตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้สามารถระบุและแก้ไขปัญหาได้ก่อนที่จะลุกลามเป็นปัญหาร้ายแรง ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมที่สูงมาก
  2. ยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์/เครื่องจักร
       • การดูแลรักษาให้อุปกรณ์อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดีอย่างต่อเนื่อง ช่วยลดโอกาสการสึกหรอและการเสื่อมสภาพก่อนกำหนด ส่งผลให้อุปกรณ์มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น
  3. เพิ่มความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน
       • การบำรุงรักษาเชิงป้องกันก่อให้เกิดความมั่นใจว่าอุปกรณ์ทำงานได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย ลดโอกาสเกิดอันตรายจากการใช้งานอุปกรณ์ที่มีปัญหา
  4. ช่วยรักษาประสิทธิภาพและคุณภาพการผลิต
       • การบำรุงรักษาที่ตรงเวลาและสม่ำเสมอ ช่วยให้เครื่องจักรอุปกรณ์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้คุณภาพของสินค้าและบริการยังคงอยู่ในระดับที่ดี
Preventive Maintenance
ความแตกต่างระหว่างการบำรุงรักษาเชิงรับ (Reactive Maintenance) และการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance)
การบำรุงรักษาเชิงรับ (Reactive Maintenance) และการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) เป็นแนวทางการดำเนินการที่มีความคล้ายคลึงกันในการดูแลรักษาอุปกรณ์และเครื่องจักร แต่มีความแตกต่างที่สำคัญดังนี้:
  1. การบำรุงรักษาเชิงรับ (Reactive Maintenance)
       • มุ่งเน้นการซ่อมแซมและบำรุงรักษาอุปกรณ์ก็ต่อเมื่อเกิดความล้มเหลวหรือทำงานผิดปกติเท่านั้น
       • ไม่ได้มีการตรวจสอบหรือป้องกันปัญหาของอุปกรณ์ที่ยังทำงานอยู่อย่างปกติ
       • มักจะมีต้นทุนสูงเนื่องจากต้องใช้เครื่องมือและเวลาในการซ่อมแซมที่มากกว่า
  2. การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance)
       • มุ่งเน้นการตรวจสอบและดูแลรักษาอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความล้มเหลวหรือปัญหาในอนาคต
       • ตรวจสอบสภาพอุปกรณ์ทั้งที่ทำงานปกติและที่มีความเสี่ยงต่อปัญหา
       • มีต้นทุนที่ต่ำกว่าการบำรุงรักษาเชิงรับ เนื่องจากสามารถป้องกันปัญหาได้ก่อนที่จะเกิดขึ้น

ดังนั้น การบำรุงรักษาเชิงป้องกันจึงเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพมากกว่า โดยสามารถลดต้นทุน ยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ และรักษาคุณภาพการผลิตได้ดีกว่าการบำรุงรักษาเชิงรับ ซึ่งเหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า

โดยรวมแล้ว การดำเนินการ Preventive Maintenance เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า นำไปสู่ความสำเร็จและความยั่งยืนของธุรกิจในระยะยาว บริษัท เร้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทให้บริการเช่าเครื่องจักร งานก่อสร้าง ที่มีสินค้าให้เช่ากว่า 460 ประเภท เป็นจำนวนกว่า 5,000 ชิ้น และสามารถนำเครื่องจักรที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในประเทศไทยเข้ามาปล่อยเช่าได้อย่างรวดเร็ว ในฐานะผู้บุกเบิกตลาดงานเช่า และยังเป็นบริษัทเพียงเจ้าเดียวในประเทศไทยที่มีเครื่องทดสอบอุปกรณ์ยก ปฏิบัติงานด้วยความปลอดภัย รวดเร็ว และใส่ใจสิ่งแวดล้อม

บริษัท เร้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้เช่าเครื่องจักร งานก่อสร้าง หลายประเภท เราเชื่อว่าการเลือกเครื่องจักรให้เหมาะสมกับการใช้งานนั้นจะทำให้การทำงานรวดเร็วและมีประสิทธิภาพอย่างสูงที่สุด ไม่ว่าจะเป็น

  • ให้เช่าเครื่องจักรกลหนัก
  • ให้เช่าเครื่องจักรงานก่อสร้าง
  • ให้เช่าเครื่องจักรอุตสาหกรรม
  • ให้เช่าเครื่องจักรหนัก ขนาดใหญ่
  • ให้เช่าเครื่องจักรที่ใช้ในงานโยธา
  • ให้เช่าอุปกรณ์ที่ใช้ในการติดตั้งเครื่องจักร
  • ให้เช่าเครื่องจักรงานซ่อมบำรุงโรงงาน
Preventive Maintenance
เราให้เช่าเครื่องจักรคุณภาพดีครอบคลุมทุกงานก่อสร้าง งานอุตสาหกรรม และงานอื่น ๆ ที่ต้องอาศัยเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่หลากหลาย โดยที่ท่านไม่จำเป็นต้องซื้อเพื่อบริหารค่าใช้จ่ายไม่ให้เกินความจำเป็น แต่ท่านสามารถใช้ บริการให้เช่าเครื่องจักร กับเราได้ด้วย ราคาเช่าเครื่องจักร ที่เป็นมิตร เน้นการใช้ประโยชน์และตอบโจทย์ทุกการใช้งาน สามารถติดต่อขอเช่าเครื่องจักรกลหนักได้ที่ Tel : 02-017-7200

ขอใบเสนอราคา

แบบฟอร์มสำหรับ บริษัท เร้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด เท่านั้น !

แชร์บทความ หรือข่าวสาร

Facebook
Line
Mail