เราเคยได้ยินคำว่าไทยแลนด์ 4.0 กันมาตลอดทั้งในเรื่องของเทคโนโลยี และ อินเตอร์เน็ต แต่คุณจะรู้ไหมว่าระบบโรงงานเองก็มีคำว่า โรงงาน 4.0 เช่นเดียวกัน แต่โรงงาน 4.0 หรือ Smart Factory นั้นคืออะไร ประเทศไทยของเราก้าวไปถึงยุค 4.0 ในวงการอุตสาหกรรมหรือยัง วันนี้เรามาติดตามไปพร้อมๆกันครับ

โรงงานที่ได้ชื่อว่าเป็นโรงงาน4.0 หรือเป็นโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) คือการนำระบบปัญญาประดิษฐ์อัตโนมัติหรือ AI และ หุ่นยนต์เข้ามามีส่วนร่วมในส่วนต่างๆของโรงงาน ไม่เฉพาะแค่ในส่วนของการผลิตเท่านั้น แต่ยังเป็นการใช้ระบบอัจฉริยะเพื่อควบคุมการทำงานในหลายๆระบบ เช่น ระบบควบคุมไฟฟ้า และ แสงสว่างให้สอดคล้องกับเวลาการทำงาน ระบบความปลอดภัยที่จะมีการแจ้งเตือนไปยัง รปภ. หรือส่งสัญญาณเตือนเมื่อได้เกิดเหตุฉุกเฉิน ระบบควบคุมสภาพแวดล้อมในการทำงาน ไปจนถึงการใช้ Big Data เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการนำหุ่นยนต์มาช่วยในการผลิตเพื่อลดภาระงานของแรงงานมนุษย์ และ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้การผลิตมากยิ่งขึ้น
ปัญหาโรงงาน Smart Factory กับแรงต่อต้านจากพนักงาน

หลายคนอาจจะเคยกังวลว่าการนำระบบ AI หรือหุ่นยนต์เข้ามาใช้งานแล้ว จะเกิดแรงต่อต้านจากพนักงานเดิม แต่อันที่จริงแล้วทั้งแรงงานมนุษย์ และ AI สามารถที่จะทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยผู้ประกอบการอย่างเราต้องสนับสนุนให้มีการฝึกอบรมพนักงานเพื่อให้สามารถใช้งานระบบ AI หรือ ควบคุมการทำงานของหุ่นยนต์ได้ โดยให้พนักงานทุกคนในโรงงานมีส่วนร่วมกับการฝึกอบรมที่เหมาะสม กับหน้าที่ของแต่ละคน
สถานการณ์โรงงาน Smart Factory ในประเทศไทย
จากผลวิจัยของสถาบันหุ่นยนต์ภาคสนาม มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี นั้น พบว่ามีผู้ประกอบการร้อยละ 15 เท่านั้นที่นำระบบ AI และ หุ่นยนต์มาใช้ในโรงงาน ส่วนผู้ประกอบการอีกร้อยละ 85 ที่เหลือแม้จะมีศักยภาพแต่ก็อาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 10 ปี ในการพัฒนาไปสู่ระบบ Smart Factoryส่วนผู้อำนวยการสถาบันไทย-เยอรมัน กล่าวว่า อุตสาหกรรมบางประเภทในไทยยังอยู่ยุค 2.3-2.5 โดยเฉลี่ย และ บางอุตสาหกรรมนั้นอยู่ยุค 3 แล้วอาทิเช่น ยานยนต์ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้อุตสาหกรรมแต่ละประเภทพัฒนาไปไม่พร้อมกัน เพราะอุตสาหกรรมปลายน้ำเป็นตัวดึง ยิ่งมีการแข่งขันสูงก็ยิ่งจำเป็นที่จะต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยส่วนในเรื่องของเวลา และ เงินทุนในการเข้าสู่โรงงาน 4.0 ก็ขึ้นอยู่กับพื้นฐานของอุตสาหกรรมนั้นๆ แต่ปัญหาหลักจะอยู่ที่ผู้ประกอบการ SME ซึ่งอาจจะยังมีข้อจำกัดว่าจะตัดสินใจยังไงในการเปลี่ยนระบบไปสู่ Smart Factory โดยผู้อำนวยการฯ ได้แนะนำว่าการจะเป็น Smart Factory ได้ ต้องมีทั้งส่วนหน้าบ้าน ในบ้าน และ หลังบ้าน โดยอาจจะเริ่มจากการทำเป็น Low Cost ก่อนก็ได้ พร้อมตรงไหนก็ทำตรงนั้นก่อน เนื่องจากใน 4 ปีหากผู้ประกอบการ SME ไม่ลงทุน จะได้รับผลกระทบด้านการแข่งขันอย่างมากจะเห็นได้ว่าการพัฒนาไปสู่โรงงาน 4.0 Smart Factory ไม่ใช่เรื่องไกลตัวของผู้ประกอบการโรงงานอีกต่อไป อีกทั้งยังไม่ใช่เรื่องของผู้ประกอบการแค่เท่านั้น ยังเป็นเรื่องของทุกๆฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนจากภาครัฐ สถาบันการศึกษา และ สถาบันการเงิน ก็มีส่วนเป็นอย่างมากในการสร้างความรู้ ความเข้าใจ รวมถึง เงินทุนสนับสนุนเพื่อให้เกิดโรงงาน 4.0 ขึ้นในประเทศไทย
ที่มา: www.proindsolutions.com