Cost per Acquisition (CPA) เป็นการวัดประสิทธิภาพของการตลาดโดยการคำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ใช้ในการได้รับผู้เข้าชมหรือลูกค้าใหม่ โดยหารจำนวนรายการหรือลูกค้าที่ได้รับเข้ามาด้วยค่าใช้จ่ายทั้งหมด ในส่วนนี้ การคำนวณ CPA สามารถทำได้โดยใช้สูตรง่าย ๆ คือ การหารค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการตลาดด้วยจำนวนผู้เข้าชมหรือลูกค้าที่ได้รับ
Cost per Acquisition (CPA) เป็นตัวชี้วัดสำคัญในดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง เพราะมันช่วยให้ธุรกิจสามารถวัดประสิทธิภาพของกิจกรรมตลาดออนไลน์ได้โดยตรง โดยเฉพาะในการประเมินผลการลงทุนในการโฆษณา และ การตลาดผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ต เช่น เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย อีเมล และ อื่น ๆ
การวัด CPA ในดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งช่วยให้ธุรกิจสามารถทราบถึงประสิทธิภาพของแต่ละแคมเปญโฆษณาหรือกิจกรรมการตลาดอื่น ๆ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับรายได้ที่ได้รับจากผู้เข้าชมหรือลูกค้าใหม่ นอกจากนี้ การวัด CPA ยังช่วยในการกำหนดงบประมาณการตลาด และ การตัดสินใจในการลงทุนในแต่ละช่องทางตลาดออนไลน์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมกับเป้าหมายของธุรกิจได้มากที่สุด
CPA (Cost per Acquisition) ในเชิง Digital Marketing คือต้นทุนในการได้ลูกค้าหนึ่งราย ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับการตลาดแบบ Affiliate โดยหลักการของ CPA คือการจ่ายเงินให้กับนายหน้าขายของออนไลน์เมื่อมีลูกค้ากดซื้อสินค้าจากลิงก์ของนายหน้า หรือมีการกระทำต่างๆ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเมื่อลูกค้ากรอกแบบฟอร์มลงทะเบียนใช้งาน สมัครสมาชิก และซื้อสินค้าซ้ำ ซึ่งหลักในการจ่ายเงินจะขึ้นอยู่กับเป้าหมายของธุรกิจเองว่าต้องการอะไรโดยแต่ละธุรกิจอาจมีเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไป แตกต่างจากกลยุทธ์ CPC (Cost per Click) ที่บริษัทต้องจ่ายค่าโฆษณาเมื่อมีการคลิกเข้าชมสินค้าแม้จะไม่สามารถขายสินค้าได้ก็ตาม ธุรกิจจึงนิยมใช้ CPA มากกว่าเพราะได้ผลตอบแทนที่มากกว่ารายได้ที่เกิดจาก CPC นั่นเอง
การเข้าใจ และ การจัดการ CPA ในดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งเป็นสิ่งสำคัญที่ธุรกิจควรใส่ใจ เพื่อให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพ และ มีการลงทุนที่มีผลตอบแทนสูงขึ้นในการตลาดออนไลน์ของพวกเขา
Cost per Acquisition (CPA) มีบทบาทสำคัญมากในดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง เนื่องจากมันช่วยให้ธุรกิจสามารถวัดประสิทธิภาพของกิจกรรมตลาดออนไลน์ได้อย่างแม่นยำ และ ทราบถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการได้รับลูกค้าหรือผู้เข้าชมใหม่เป็นจำนวนเงิน