ประเภทของคลังสินค้าและโกดัง ในประเทศไทย

ลูกค้าบางท่านอาจจะต้องเตรียมโกดังและคลังสินค้า เพื่อใช้ในการจัดเก็บสินค้าของตนเอง รวมถึงวัตถุดิบต่างๆและเก็บชิ้นส่วนสินค้าที่อยู่ในระหว่างกระบวนการผลิต ดังนั้น เราจะมาอธิบายเกี่ยวกับประเภทของโกดังสินค้าและรายละเอียดอื่นๆของคลังสินค้าในประเทศไทย

ธุรกิจคลังสินค้าในประเทศไทย

ในการประกอบกิจการคลังสินค้านั้น การเลือกสถานที่ตั้งสินค้านับว่าเป็นปัจจัยหลักในการที่จะตัดสินใจเลือกที่ตั้งของคลังสินค้า มักจะควรเลือกให้ใกล้กับฐานที่ตั้งของลูกค้าเอง ด้วยที่จะช่วยให้ขนส่งสินค้าได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว หรือ ตั้งบริเวณใกล้เคียงกับท่าเรือและสนามบิน ถึงแม้ค่าใช้จ่ายในการที่จะหาเช่าโกดังอาจจะไม่แพงมากนัก แต่ทั้งนี้ต้องคิดถึงการคำนวณระยะทางว่าไกลหรือไม่ เราควรที่จะหาความพอดีระหว่างสถานที่ที่มีความสะดวกและราคาค่าเช่าไม่แพงมากเกินไปหรือสมเหตุสมผลนั้นเอง

ที่ตั้งคลังสินค้าที่นิยมในประเทศไทย

สถานที่ที่นิยมคงหนีไม่พ้น สถานที่ตั้งที่ใกล้บริเวณกับ สนามบินสุวรรณภูมิ,ท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือแหลมฉบัง แต่ยังมีพื้นที่ที่ได้รับความนิยมไม่ต่างกันคือ นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร หรือจะบริเวณ ถนน บางนา-ตราด เนื่องด้วยเป็นสถานที่ที่ใกล้นิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ของจังหวัดสมุทรปราการ

พื้นที่โกดังสินค้าอื่นๆ

พื้นที่โกดังที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมนักสำหรับการเก็บสินค้านั้นก็คือ พื้นที่แถบจังหวัดอยุธยา เนื่องได้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมบ่อย ดังนั้นโกดังในหลายๆแห่ง มักจะถูกสร้างขึ้นมาในพื้นที่แหลมฉบังในทิศตะวันออกแทน ซึ่งในพื้นที่จังหวัดระยองและแหลมฉบัง ปริมาณการเช่ายังมีไม่มากซักเท่าไหร่แต่ก็ยังมีความต้องการขายโกดังอยู่

ประเภทของโกดังสินค้า

ซึ่งโกดังและคลังสินค้านั้นจะมีหลากหลายประเภท ขึ้นอยู่กับลักษณะของุรกิจและการใช้ของโดยรวมของลูกค้าเป็นหลัก ซึ่งทั้งหมดนี้มีความแตกต่างดังต่อไปนี้

1.คลังสินค้าทั่วไป

คลังสินค้าประเภทนี้ จะทำหน้าที่เก็บสินค้าทั่วไปตามชื่อเลย และไม่ต้องมีการเก็บรักษาและดูแลเป็นพิเศษแต่อย่างใด เช่น ประเภทยางไม้ ไม้ ชิ้นส่วนต่างๆของรถยนต์ ในส่วนของการบริการ พื้นที่ตั้ง และราคา ก็จะมีความแตกต่างจากประเภทอื่นๆ

2.คลังสินค้าห้องเย็น

ความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่ามีความต้องการในการใช้บริการคลังสินค้าห้องเย็นเพิ่มมากขึ้นจากเมื่อก่อน ด้วยที่ว่าความต้องการสำหรับอาหารแช่แข็งที่บริการในร้านสะดวกซื้อต่างๆได้เพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดความต้องการใช้บริการในคลังสินค้าประเภทนี้มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ

3.คลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิ

จะมีตั้งแต่

1. -25 ดีกรี
2. 3ดีกรี – 5ดีกรี
3. 5ดีกรี – 10ดีกรี
4. 15ดีกรี – 18ดีกรี
5. 25 ดีกรี

โดยปกติแล้ว อากาศปกติของประเทศไทยจะมีอุณหภูมิสูงกว่า 30 องศา จึงจำเป็นที่ต้องเก็บรักษาสินค้าบางประเภทในคลังสินค้าห้องเย็น

4.คลังสินค้าอันตราย

คลังสินค้าอันตรายนั้น ได้แก่ สารเคมีต่างๆ ที่ต้องถูกเก็บรักษาในคลังสินค้าอันตรายเท่านั้น มิเช่นนั้นอาจจะเกิดการผิดพลาด เกิดอุบัติเหตุและเหตุการณ์ไม่คาดคิดเช่น ไฟไหม้คลังสินค้า เป็นต้น

5.สินค้าทัณฑ์บนหรือสินค้าปลอดภาษี

การนำเข้าสินค้านั้นจะต้องเสียภาษีศุลกากรและภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นปกติ แต่สำหรับบางชนิดหรือสินค้าทัณฑ์บนและสินค้าปลอดภาษีจะเป็นการนำสินค้ามาผ่านกระบวนการบางอย่างเพื่อส่งออกไปอีกครั้ง

เพราะฉะนั้นการที่จะเลือกที่ตั้งคลังสินค้ามักจะเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ และทั้งนี้ในการเลือกใช้บริการคลังสินค้าแต่ละประเภท ต้องดูประเภทของสินค้าของเราที่จะไปใช้บริการเป็นหลัก ว่าควรใช้คลังสินค้าประเภทใด