การเกษียณอายุในประเทศไทยกำลังเป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติที่ต้องการใช้ชีวิตบั้นปลายในบรรยากาศที่อบอุ่นและสะดวกสบาย ด้วยค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงมากนัก ประกอบกับคุณภาพชีวิตที่ดี วีซ่าเกษียณอายุ หรือ Visa Non-Immigrant “O” (Retirement) เป็นประเภทของวีซ่าที่ออกแบบมาเพื่อชาวต่างชาติที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปและต้องการพักอาศัยในประเทศไทยในระยะยาวโดยไม่ต้องทำงาน โดยผู้ยื่นขอจะต้องผ่านเงื่อนไขและมีเอกสารต่าง ๆ ที่แสดงถึงความสามารถในการพึ่งพาตนเองในเรื่องการเงินตลอดระยะเวลาที่พำนักอยู่ในประเทศไทย
วีซ่าเกษียณอายุ หรือ Visa Non-Immigrant “O” (Retirement) คืออะไร?
วีซ่าเกษียณอายุประเภท Non-Immigrant “O” คือวีซ่าที่ออกแบบมาเพื่อชาวต่างชาติที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปและต้องการพักอาศัยในประเทศไทยระยะยาว วีซ่านี้มีอายุ 1 ปีและสามารถต่ออายุได้เป็นประจำทุกปี หากมีคุณสมบัติและปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด นอกจากจะเป็นการยืนยันความสามารถในการดูแลตนเองทางการเงินแล้ว วีซ่านี้ยังช่วยให้นักท่องเที่ยวสูงวัยสามารถใช้ชีวิตบั้นปลายในประเทศไทยได้อย่างถูกกฎหมายและมั่นคง
เอกสารที่ใช้สำหรับประกอบการยื่นคำร้องขอวีซ่าเกษียณอายุ
การยื่นขอวีซ่าเกษียณอายุประเภทนี้ต้องใช้เอกสารที่สำคัญหลายอย่างเพื่อแสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติและความพร้อมทางการเงินของผู้ยื่นขอ โดยเอกสารที่จำเป็นในการยื่นขอวีซ่าเกษียณอายุ ได้แก่
- หนังสือเดินทาง (Passport) ที่มีอายุการใช้งานไม่น้อยกว่า 18 เดือน
- แบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่า (Visa Application Form) ที่กรอกข้อมูลครบถ้วน
- รูปถ่ายขนาด 4 x 6 ซม. ที่ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน
- หลักฐานทางการเงิน อาจจะเป็นบัญชีเงินฝากที่มีเงินไม่น้อยกว่า 800,000 บาท หรือแสดงรายได้ประจำที่ไม่น้อยกว่า 65,000 บาทต่อเดือน หรือหลักฐานการฝากเงินและรายได้รวมกันที่มีจำนวนเพียงพอตามกำหนด
- ใบรับรองการแพทย์ ยืนยันว่าผู้ยื่นขอไม่มีโรคที่กำหนดให้เป็นข้อจำกัด
- ใบรับรองประวัติอาชญากรรม จากประเทศต้นทางเพื่อยืนยันว่าผู้ยื่นขอไม่มีคดีอาญาหรือต้องหาคดีใด ๆ
- หลักฐานการพำนักในประเทศไทย เช่น สัญญาเช่าที่พัก หรือเอกสารที่แสดงความสัมพันธ์ในกรณีที่มีญาติพำนักอยู่ในประเทศไทย
ข้อควรปฏิบัติหลังได้รับวีซ่าเกษียณอายุ
เมื่อได้รับวีซ่าเกษียณอายุแล้ว ผู้ถือวีซ่าต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดที่สำคัญหลายประการเพื่อรักษาสถานะทางกฎหมายในการพำนักในประเทศไทย
- การแจ้งที่พักอาศัยทุก 90 วัน : ผู้ถือวีซ่าต้องรายงานที่อยู่ให้กับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทุก ๆ 90 วัน ซึ่งสามารถทำได้ด้วยตนเอง ทางไปรษณีย์ หรือตัวแทนตามกฎหมาย
- การต่ออายุวีซ่าเป็นประจำ : วีซ่าเกษียณอายุประเภท Non-Immigrant “O” มีอายุ 1 ปี แต่สามารถขอต่ออายุได้ทุกปี ผู้ถือวีซ่าจำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดเดิม เช่น หลักฐานทางการเงินที่แสดงถึงความสามารถในการพึ่งพาตนเอง
- ห้ามประกอบอาชีพหรือทำงานใดๆ : เนื่องจากวีซ่าประเภทนี้เป็นวีซ่าพำนักระยะยาวสำหรับการเกษียณอายุ จึงห้ามผู้ถือวีซ่าประกอบอาชีพหรือทำงานในประเทศไทยทุกกรณี หากต้องการทำงาน ต้องขอวีซ่าประเภทอื่นที่เหมาะสม
วีซ่าเกษียณอายุหรือ Visa Non-Immigrant “O” (Retirement) มีกี่ประเภท?
วีซ่าเกษียณอายุมีอยู่ 2 ประเภทหลักๆ
- วีซ่าเกษียณอายุประเภท Non-Immigrant “O” 1 ปี : เป็นวีซ่าที่มีอายุการใช้งาน 1 ปี และสามารถต่ออายุได้เป็นประจำทุกปี โดยต้องแสดงหลักฐานทางการเงินและเอกสารต่าง ๆ ที่กำหนด
- วีซ่าเกษียณอายุประเภท Non-Immigrant “OA” (Long Stay Visa) : วีซ่าประเภทนี้ให้สิทธิ์พักอาศัยในประเทศไทยได้ 1 ปีเช่นกัน แต่มีสิทธิพิเศษเพิ่มเติม เช่น การเข้ารับการรักษาพยาบาลจากโรงพยาบาลรัฐบางแห่งโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่จะต้องมีประกันสุขภาพและปฏิบัติตามข้อกำหนดที่กำหนด
หากต้องการใช้ชีวิตบั้นปลายหลังเกษียณอายุในประเทศไทย มีหลักเกณฑ์อย่างไร?
การเลือกประเทศไทยเป็นสถานที่ใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุเป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการใช้ชีวิตบั้นปลายในบรรยากาศที่มีความสงบ ปลอดภัย ค่าครองชีพที่ไม่สูงมาก และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ประเทศไทยจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจและเหมาะสมสำหรับผู้สูงวัยหลายคน การใช้ชีวิตในประเทศไทยในระยะยาวต้องผ่านการขอวีซ่าเกษียณอายุ ซึ่งมีหลักเกณฑ์และข้อกำหนดต่าง ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อยืนยันถึงคุณสมบัติ ความพร้อมทางการเงิน และการปฏิบัติตามกฎหมายในการพำนักในประเทศ
หลักเกณฑ์แรกในการพำนักระยะยาวในประเทศไทยหลังเกษียณอายุคือ อายุขั้นต่ำ โดยกำหนดให้ผู้ที่ขอวีซ่าต้องมีอายุ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งสะท้อนถึงการเป็นผู้เกษียณอายุที่ต้องการใช้ชีวิตหลังจากเลิกทำงานอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ยังมีกฎระเบียบเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ถือวีซ่าจะสามารถพึ่งพาตนเองได้ทางการเงิน ไม่เป็นภาระต่อประเทศ และมีความมั่นคงพอในการใช้ชีวิตในระยะยาว หลักฐานทางการเงินจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเตรียมในการยื่นขอวีซ่า ผู้ยื่นขอจำเป็นต้องมี เงินฝากในบัญชีธนาคารในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 800,000 บาท หรือ มีรายได้ประจำไม่น้อยกว่า 65,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเงื่อนไขเหล่านี้เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้เกษียณสามารถใช้ชีวิตในประเทศไทยได้อย่างราบรื่นและปลอดภัยตลอดระยะเวลาที่พำนักอยู่
อีกหนึ่งข้อสำคัญในการพำนักระยะยาวคือ การมีประกันสุขภาพ ในบางกรณี โดยเฉพาะหากเป็นวีซ่าประเภท Non-Immigrant “OA” ที่เน้นการอยู่ในประเทศไทยในระยะยาว ประกันสุขภาพที่มีความครอบคลุมทั้งค่ารักษาพยาบาลพื้นฐานและการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเป็นสิ่งที่จำเป็น ประกันสุขภาพนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้เกษียณจะได้รับการดูแลทางการแพทย์หากมีเหตุฉุกเฉิน โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง และเป็นการรักษาสิทธิ์การใช้ชีวิตในประเทศอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ผู้เกษียณอายุต้องปฏิบัติตามข้อบังคับของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เช่น การรายงานที่พักอาศัยทุก 90 วัน เพื่อยืนยันว่าผู้พำนักยังอยู่ในประเทศไทยและปฏิบัติตามกฎข้อบังคับอย่างถูกต้อง และ การต่ออายุวีซ่าเป็นประจำทุกปี โดยเตรียมเอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวข้องไว้ให้พร้อม ทั้งนี้ ผู้ถือวีซ่าประเภทนี้ยังห้ามทำงานหรือประกอบอาชีพใด ๆ ในประเทศไทย เนื่องจากวีซ่าถูกออกแบบมาให้ใช้สำหรับการพำนักในวัยเกษียณเท่านั้น หากต้องการทำงานต้องขอวีซ่าประเภทอื่นที่เหมาะสม
การใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุในประเทศไทยมีหลักเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติตามอย่างชัดเจน ทั้งในด้านอายุ ความมั่นคงทางการเงิน ประกันสุขภาพ และการปฏิบัติตามข้อบังคับของทางการ การดำเนินการเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้เกษียณสามารถใช้ชีวิตในประเทศไทยได้อย่างสงบสุขและยั่งยืน ประเทศไทยจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าประทับใจสำหรับผู้สูงวัยที่ต้องการใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์ในบรรยากาศที่เป็นมิตรและสะดวกสบาย
Non-Immigrant Visa "O" (Retirement) มี 3 ประเภท แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร
- Non-Immigrant "O" Visa เป็นการอนุญาตให้พำนักอยู่ไทย 90 วัน ขอขยายวีซ่าต่อได้อีก 1 ปี
- Non-Immigrant "O-A" Visa เป็นการอนุญาตให้พำนักอยู่ไทย 1 ปี ขอขยายวีซ่าต่อได้อีก 1 ปี
- Non-Immigrant "O-X" Visa เป็นการอนุญาตให้พำนักอยู่ไทย 5 ปี ขอขยายวีซ่าต่อได้อีก 5 ปี
วีซ่าทั้ง 3 ประเภทนี้ มีความแตกต่างทั้งระยะเวลาพำนักอาศัย ระยะเวลาขยายวีซ่า หลักเกณฑ์และเอกสารประกอบการพิจารณา
ผู้ที่สนใจพำนักระยะยาวในประเทศไทยหลังเกษียณอายุต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดดังนี้
- อายุ : ต้องมีอายุ 50 ปีขึ้นไป
- หลักฐานทางการเงิน : มีเงินฝากในบัญชีธนาคารในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 800,000 บาท หรือมีรายได้ประจำเดือนละไม่น้อยกว่า 65,000 บาท
- ประกันสุขภาพ : ในบางกรณีต้องมีประกันสุขภาพที่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลพื้นฐานและเป็นไปตามเงื่อนไขที่รัฐบาลไทยกำหนด โดยเฉพาะสำหรับวีซ่าประเภท Non-Immigrant “OA”
- ข้อปฏิบัติและข้อห้าม : ผู้ถือวีซ่าจะต้องปฏิบัติตามกฎและข้อบังคับ เช่น การรายงานที่อยู่ทุก 90 วัน ห้ามทำงานหรือประกอบธุรกิจ และต้องอยู่ในสถานะทางกฎหมายโดยต่ออายุวีซ่าเมื่อครบกำหนด
บริษัท บลู แอสซิสแท็นซ จำกัด ได้ให้บริการตัวแทนยื่นขอวีซ่า และใบอนุญาตทำงาน เราเป็นตัวแทนในการยื่นขอวีซ่าและใบอนุญาตทำงานให้กับบริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น ตัวแทนยื่นขอใบอนุญาตทำงานและวีซ่าให้กับบริษัททั่วไปและสำนักงานตัวแทน / ธุรกิจที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน BOI /ตัวแทนยื่นขอใบอนุญาตกลับเข้าประเทศ / ดำเนินการเปลี่ยนวีซ่าแต่ละประเภทในประเทศไทย / ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทและงานด้านบัญชี (โดยบริษัทบัญชีในเครือ) / ตัวแทนให้คำปรึกษาและงานตรวจสอบประเภทต่าง ๆ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลการให้บริการของ บริษัท บลู แอสซิสแท็นซ จำกัด ได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ : 02-661-7687-88
Website : www.blue-assistance.co.th
Website Profile : บริษัท บลู แอสซิสแท็นซ จำกัด
Facebook : Blue Assistance Co.,Ltd