ค้นหา
สัญญาการก่อสร้างควรมีรายละเอียดใดบ้าง

สัญญาการก่อสร้างควรมีรายละเอียดใดบ้าง

สัญญาก่อสร้างเป็นเอกสารสัญญาที่ต้องระบุความตกลงร่วมกันเป็นแบบลายลักษณ์อักษรระหว่างผู้ว่าจ้าง ในการจ่ายค่าตอบแทนให้กับงานที่ดำเนินการก่อสร้างตามที่กำหนดตามข้อตกลงและผู้รับจ้าง (ผู้รับเหมาก่อสร้าง) ที่รับผิดชอบดำเนินการก่อสร้างตามรายละเอียดที่ตกลงก่อสร้างตามระยะเวลาที่กำหนดในสัญญาว่าจนแล้วเสร็จ

เนื้อหาสัญญาหรือรายละเอียดที่ควรมีในสัญญาจ้างรับเหมาก่อสร้าง

สัญญาจ้างรับเหมาก่อสร้าง

1.วันที่และสถานที่ทำสัญญา 

เพื่อระบุให้ทราบว่าสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่เท่าไหร่และมีอายุสัญญากี่ปี

2.ข้อมูลส่วนบุคคลคู่สัญญาระหว่างผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้าง (ผู้รับเหมาก่อสร้าง)

ไม่ว่าจะเป็นชื่อ ที่อยู่ หน่วยงาน องค์กร บริษัท และข้อมูลอื่นๆ ที่สามารถยืนยันตัวตนและตรวจสอบได้

3.ขอบเขตและลักษณะของเนื้องานที่รับผิดชอบ

ผู้ว่าจ้างจะต้องทำการตกลงว่าจ้างผู้รับจ้างทำการก่อสร้างบ้านแบบไหน ซึ่งควรระบุลงในสัญญาให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น ลักษณะของแบบบ้านหรืออาคาร และสถานที่ที่ในการก่อสร้าง

4.ราคา และรายละเอียดการจ่าย

ค่าจ้างเหมาจ่ายที่เกี่ยวกับงานก่อสร้างทั้งหมด ควรจ่ายชำระก่อนการเริ่มดำเนินการ โดยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ และแบ่งงวดงานออกเป็นกี่งวดงาน โดยมีการระบุรายละเอียดต่างๆของงานก่อสร้าง จากนั้นจ่ายชำระเงินค่างวดงานแต่ละงวดงานโดยจ่ายเป็นเปอร์เซ็นต์

5.ระยะเวลาของสัญญา 

นับตั้งแต่เริ่มดำเนินการก่อสร้าง จนดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ โดยระบุการใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างโดยประมาณ

6.หน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ว่าจ้าง 

ในเอกสารสัญญาควรมีรายละเอียดกำกับไว้อย่างชัดเจนในสัญญาว่าจ้าง เช่น

  • สิทธิในการปรับเปลี่ยนแก้ไขเพิ่มเติม หรือการปรับแก้รายการและแบบก่อสร้างเดิม หรือปรับเปลี่ยนวัสดุก่อสร้างภายในระยะเวลาที่กำหนดที่ตกลงกันไว้ โดยไม่ต้องยกเลิกสัญญาว่าจ้าง แต่ควรเอกสารสัญญาเพิ่มเติมขึ้นมา เพื่อตกลงให้เป็นรูปแบบเป็นลายลักษณ์อักษรและมีความตกลงยินยอมกันทั้ง 2 ฝ่าย หากการเปลี่ยนแปลงวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างจนกระทบกับความแข็งแรงและมาตรฐานของโครงสร้างตามแบบแปลนเดิม ผู้รับจ้าง (ผู้รับเหมาก่อสร้าง) มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธได้ด้วยเช่นกัน
  • ผู้ว่าจ้างมีสิทธิในการสั่งหยุดงาน หากเห็นว่ามีการดำเนินการไม่ถูกต้องตามแบบแปลน หรืออาจมีสิทธิในการระงับและไม่จ่ายค่างวดงานในส่วนดังกล่าว หากผู้รับเหมาไม่ทำการแก้ไขหรือซ่อมแซมในส่วนที่เสียหาย หรือไม่เป็นไปตามที่แจ้งให้มีการแก้ไข
  • ทำการตรวจรับงานในแต่ละงวดงาน

7.หน้าที่และความรับผิดชอบของผู้รับจ้าง (ผู้รับเหมาก่อสร้าง)

ผู้รับจ้างจะต้องดำเนินการก่อสร้างให้ถูกต้องและแล้วเสร็จตามสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างในระยะเวลาที่กำหนดตามที่ระบุในสัญญา โดยมีเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรแจ้งให้ผู้ว่าจ้างรับทราบ จากนั้นเจ้าของบ้านจะต้องทำการตรวจสอบวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง สถานที่ และขั้นตอนในการก่อสร้าง เพื่อตรวจประเมินผลงานตรงตามแบบแปลนและ BOQ  หากพบว่าวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างไม่เป็นไปตามที่กำหนดในสัญญา เจ้าของบ้านมีสิทธิที่จะระงับการดำเนินการก่อสร้างและปฏิเสธวัสดุที่ไม่ตรงตามรายละเอียดบัญชีก่อสร้างที่ระบุในสัญญาว่าจ้างได้ทันที

8.เครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อสร้าง 

เพื่อให้ได้เครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อสร้าง มีคุณภาพ เหมาะสมกับลักษณะงาน ควรมีเอกสารรายการระบุแนบท้ายเอกสาร เพื่อใช้ในการตรวจสอบ

9.การประกันคุณภาพผลงานหลังจากการรับส่งมอบงาน 

โดยระยะเวลาประกันงานขึ้นอยู่กับประเภทงานและการเจรจา หากเกิดความเสียหายเกิดขึ้นกับตัวบ้านในระยะเวลาเอาประกัน ไม่ว่าจะเป็นหลังคารั่ว บ้านมีรอยแตกร้าว หรือสาเหตุอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับภัยธรรมชาติ ผู้รับจ้างจะต้องเข้าทำการแก้ไขซ่อมแซ่มให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานดังเดิม

10.การยกเลิกสัญญาว่าจ้างและสิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหาย 

เอกสารสัญญาฉบับนี้ควรทำการระบุให้ชัดเจน หากมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทำผิดเงื่อนไข จนเกิดความเสียหาย ดังนั้นจึงต้องทำการระบุรายละเอียดเงื่อนไขเป็นลายลักษณ์อักษรแจ้งให้รับทราบและยินยอมรับผิดชอบหากเกิดกรณีดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม การมีสัญญาการก่อสร้างเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เนื่องจากมีผลต่อการดำเนินงานและความสำเร็จของโครงการก่อสร้าง เพื่อช่วยลดความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นระหว่างผู้รับจ้างและผู้ว่าจ้างในกรณีที่มีข้อผิดพลาดหรือข้อผิดพลาดทางการก่อสร้างที่เกิดขึ้นได้ในอนาคต

ที่มา: www.ddproperty.com

แชร์บทความ หรือข่าวสาร

Facebook
Line
Mail