ค้นหา
ธุรกิจเรา ต้องใช้  Google Ads ประเภทไหน ?

ธุรกิจเรา ต้องใช้ Google Ads ประเภทไหน ?

Google Ads ถ้าพูดถึงคำนี้ ขวัญเชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยยิงโฆษณา Google Ads อยู่แล้ว หรือพอรู้มาบ้าง ว่ามันคือการที่เราเอาเว็บไซต์ธุรกิจหรือ Facebook Fanpage ของเราไปโฆษณากับ Google  เพื่อที่เวลาคนเสิร์ชคำที่เป็นคีย์เวิร์ดธุรกิจของเรา Google ก็จะแสดงเว็บไซต์ธุรกิจของเราเป็นอันดับแรก ๆ ของการค้นหา อยู่ในหน้าแรกของ Google 
อันนี้คือที่คนส่วนใหญ่ทราบกัน แต่ทราบหรือไม่ว่า Google Ads แบบนี้ เป็นพียงประเภทเดียวของการโฆษณา Google  จริง ๆ แล้ว เราสามารถโฆษณา Google Ads ได้อีกหลายประเภท รวมไปถึงการโฆษณา Youtube ก็ถือว่าเป็นการโฆษณาผ่านบัญชี Google Ads ลักษณะหนึ่ง การโฆษณากับ Google มีทั้งหมดกี่ประเภท มีอะไรบ้าง และที่สำคัญ คือจะแนะนำแต่ละประเภทเหมาะกับธุรกิจแบบไหน เพื่อที่ทุกคนจะได้เลือกนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมกับธุรกิจของตนเอง

Google Ads มีด้วยกันอยู่ทั้งหมด 5 ประเภท

ประเภทที่ 1 คือ ‘Search Ads’

ประเภทที่ 1 คือ ‘Search Ads’

Google Ads ในรูปแบบโฆษณา ‘Search Ads’ เป็นประเภทที่หลายคนนิยมใช้กันมาก โดยจะแสดงผลในรูปแบบของข้อความ บน Google เท่านั้น จะมีส่วนที่เป็น Headline และ Description อธิบายข้อมูลสั้น ๆ เกี่ยวกับแบรนด์หรือสินค้านั้น ดังนั้นถ้าอยากเพิ่มโอกาสให้กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงธุรกิจเราได้มากที่สุดก็จะต้องเลือกใช้คีย์เวิร์ดให้เหมาะสม ครอบคลุมการค้นหาของกลุ่มเป้าหมาย และมีความเกี่ยวข้องกับแบรนด์หรือสินค้าให้มากที่สุด ควรใช้เครื่องมือสำหรับวิเคราะห์และวางแผนคีย์เวิร์ดโดยเฉพาะ เพื่อผลลัพธ์การทำโฆษณาที่ดีที่สุด ‘Search Ads’ เหมาะสำหรับธุรกิจทุกประเภท

ประเภทที่ 2 คือ ‘Display Ads’ 

Display Ads

Google Ads ในรูปแบบโฆษณา ‘Display Ads’ จะไปแสดงผลบนช่องทางอื่น ๆ ที่เป็น Partner กับ Google อย่าง Gmail, YouTube,  Website และ Application ต่าง ๆ เหล่านี้ก็จะมีการแบ่งส่วนพื้นที่สำหรับการโฆษณาแบนเนอร์ของ Google Ads เอาไว้โดยเฉพาะ และจะแสดงผลลัพธ์เป็นภาพแบนเนอร์เท่านั้น แต่เราสามารถเลือกทำแบนเนอร์ประเภทต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับธุรกิจของเราได้ ไม่ว่าจะเป็นแบนเนอร์ที่มีเฉพาะข้อความ, แบนเนอร์ที่เป็นรูปภาพ, แบนเนอร์ที่มีทั้งรูปภาพและข้อความประกอบ หรือแม้กระทั่งแบนเนอร์เคลื่อนไหว ซึ่งข้อดีของการทำ Google Ads ประเภทนี้ ก็คือ เราสามารถเลือกเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเราได้ตามที่เราต้องการ ‘Display Ads’ เหมาะสำหรับธุรกิจหลากหลายประเภท ที่มีภาพถ่ายสินค้าหรือบริการที่สวยงามและน่าเชื่อถือ

ประเภทที่ 3 คือ ‘Youtube Ads’ หรือ ‘Video Ads’ 

Youtube Ads

Google Ads ในรูปแบบโฆษณา ‘Youtube Ads’ หรือ ‘Video Ads’ จริง ๆ คล้ายกับ Display Ads ต่างกันที่แสดงผลเป็นคลิปวิดีโอบนช่องทาง Youtube เท่านั้น โดยเราสามารถเลือกรูปแบบและตำแหน่งของการแสดงผลได้ และสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ด้วย เนื่องจากการแสดงผลของ ‘Youtube Ads’ หรือ ‘Video Ads’ นี้สามารถแสดงผลในกรณีที่มีคนค้นหาคีย์เวิร์ดของธุรกิจเราบน Youtube นั่นเอง ประเภท ‘Youtube Ads’ หรือ ‘Video Ads’ เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีคอนเทนต์เป็นวิดีโอและต้องการจะโปรโมต ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มธุรกิจที่เน้นสินค้าหรือบริการที่ค่อนข้างเข้าถึงอารมณ์ของผู้บริโภคได้ดี

ประเภทที่ 4 คือ ‘Shopping Ads’ 

ประเภทที่ 4 คือ ‘Shopping Ads’

Google Ads ในรูปแบบโฆษณา ‘Shopping Ads’ จะแสดงผลในรูปแบบของการ์ดรายการสินค้าจะประกอบไปด้วยรูปภาพสินค้า ชื่อสินค้า ราคา และลิงก์ของเว็บไซต์ธุรกิจเราที่จะใช้ปิดการขาย ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ทันที และผลลัพธ์จะแสดงก็ต่อเมื่อมีคนค้นหาคีย์เวิร์ดของธุรกิจเรา ‘Shopping Ads’ เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีสินค้าให้เลือกค่อนข้างมาก และการทำโฆษณาประเภทนี้ไม่ใช่ว่าทุกธุรกิจจะสามารถทำได้ 

ประเภทที่ 5 คือ ‘App Ads’ 

ประเภทที่ 5 คือ ‘App Ads’

Google Ads ในรูปแบบโฆษณา ‘App Ads’ อาจไม่ได้เป็นที่นิยมมากในกลุ่มธุรกิจทั่วไป แต่ถือว่าเป็นโฆษณาประเภทใหม่ที่น่าจับตามองกับกลุ่มธุรกิจที่มีการทำแอปพลิเคชันเป็นของตัวเอง ทั้งในระบบปฏิบัติการ IOS และ Android วัตถุประสงค์หลักในการทำ Google Ads นี้เพื่อต้องการที่จะให้คนทำการติดตั้งแอปพลิเคชันมากขึ้นนั่นเอง เราสามารถเลือกกำหนดรูปแบบการแสดงผลได้ทั้งวิดีโอและรูปภาพ โดยการแสดงผลจะไปปรากฏตาม Google Search, YouTube, Gmail และ Website ที่เป็น Partner กับ Google ประเภท ‘App Ads’ เหมาะสำหรับธุรกิจใหญ่ ๆ ที่มีแอปพลิเคชันเป็นของตัวเองและต้องการดึงให้คนเข้าไปใช้งานเยอะ ๆ

ที่มา: www.goonlinethailand.com

ที่มา: www.startupnow.in.th

ขอใบเสนอราคา

แบบฟอร์มสำหรับ 1-CE WIND CO., LTD. เท่านั้น !

แชร์บทความ หรือข่าวสาร

Facebook
Line
Mail