ค้นหา
การตลาดออนไลน์ ผ่านเสียง (Voice Search Optimization) เทรนด์ใหม่ที่ต้องจับตามอง

การตลาดออนไลน์ ผ่านเสียง (Voice Search Optimization) เทรนด์ใหม่ที่ต้องจับตามอง

ในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว พฤติกรรมของผู้บริโภคก็เปลี่ยนตาม หนึ่งในเทรนด์ที่กำลังมาแรงและนักการตลาดออนไลน์ต้องจับตามองก็คือ Voice Search หรือการค้นหาด้วยเสียง ที่ผู้ใช้งานสามารถสั่งการและค้นหาข้อมูลผ่านการพูดได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะผ่านสมาร์ทโฟน ลำโพงอัจฉริยะ หรืออุปกรณ์อื่นๆ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากความสะดวกรวดเร็วและง่ายต่อการใช้งาน ดังนั้น Voice Search Optimization จึงเป็นสิ่งที่นักการตลาดต้องให้ความสำคัญและเตรียมพร้อมรับมือ มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการทำการตลาดออนไลน์ผ่าน Voice Search ให้มากขึ้น พร้อมเทคนิคที่จะช่วยให้คุณปรับตัวให้ทันกับเทรนด์นี้

Voice Search
Voice Search Optimization คืออะไร
Voice Search Optimization (VSO) คือการปรับแต่งเว็บไซต์และคอนเทนต์ต่างๆ ให้สามารถรองรับการค้นหาผ่านเสียง (Voice Search) และแสดงผลลัพธ์การค้นหาแบบเสียง (Voice Search Results) เพื่อให้ผู้ใช้งานค้นพบและเข้าถึงเนื้อหาของแบรนด์ได้ ทั้งจากการสั่งค้นหาผ่านสมาร์ทโฟน ลำโพงอัจฉริยะอย่าง Google Home หรือ Amazon Echo หรือผ่านผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Siri เป็นต้น ซึ่งแตกต่างจากการทำ SEO แบบเดิมที่มุ่งเน้นไปที่การค้นหาแบบพิมพ์ผ่านช่องทางปกติ

เหตุผลที่ต้องให้ความสำคัญกับ Voice Search
  1. เติบโตอย่างก้าวกระโดด จากข้อมูลของ Google พบว่าการค้นหาด้วยเสียงเติบโตขึ้นถึง 35% ในแต่ละปี และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต
  2. ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ การค้นหาด้วยเสียงตอบโจทย์ความต้องการด้านความสะดวกสบายของผู้บริโภคยุคใหม่ ที่ต้องการความรวดเร็วไม่ซับซ้อน 
  3. เพิ่มโอกาสในการเข้าถึง Voice Search ทำให้เว็บไซต์และเนื้อหามีโอกาสแสดงผลต่อกลุ่มเป้าหมายที่ค้นหาได้มากขึ้น เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายยิ่งขึ้น
  4. ได้เปรียบคู่แข่ง หากคุณเริ่มทำ VSO ตั้งแต่ตอนนี้ ก็จะมีความได้เปรียบทางการแข่งขันสูง เพราะยังมีแบรนด์ไม่มากนักที่ทำอย่างจริงจัง

เทคนิคการทำ Voice Search Optimization
  1. เน้นคอนเทนต์ที่ตอบคำถาม ผู้ใช้มักจะค้นหาด้วยเสียงในรูปแบบประโยคคำถาม ไม่ใช่แค่คำสำคัญสั้นๆ ดังนั้นเราจึงควรมีคอนเทนต์ที่ตอบคำถามโดยตรง เช่น รูปแบบ How to, What is เป็นต้น
  2. ใช้ภาษาพูดที่เป็นธรรมชาติ การค้นหาด้วยเสียงจะใช้ภาษาพูดที่เป็นธรรมชาติ ไม่เป็นทางการมากกว่าการค้นหาแบบพิมพ์ เราจึงต้องปรับภาษาในเว็บไซต์ให้อ่านง่าย กระชับ และสละสลวยเหมือนภาษาพูด
  3. เน้น Local SEO Voice Search มักจะมีความเฉพาะเจาะจงเชิงพื้นที่สูง เช่น "ร้านอาหารอิตาเลียนที่อร่อยที่สุดใกล้ฉัน" ดังนั้นการทำ Local SEO ให้ข้อมูลที่อยู่ ชื่อ เบอร์โทร ชัดเจน จึงมีความสำคัญมาก
  4. มี Featured Snippet เนื่องจากผลการค้นหาด้วยเสียง มักจะอ่านคำตอบจาก Featured Snippet เป็นอันดับแรก ถ้าเราสามารถติด Featured Snippet ได้จะเพิ่มโอกาสเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มาก
  5. เพิ่มความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ ความเร็วก็เป็นปัจจัยสำคัญใน Voice Search เช่นกัน เพราะผู้ใช้ต้องการคำตอบที่รวดเร็วทันใจ ควรทำให้เว็บไซต์โหลดไวที่สุดเท่าที่จะทำได้
  6. ทำเว็บไซต์ให้ Responsive รองรับการใช้งานผ่านมือถือ เพราะผู้ใช้ส่วนใหญ่จะค้นหาด้วยเสียงผ่านสมาร์ทโฟน การมีเว็บไซต์ที่ใช้งานบนมือถือได้ดีจึงสำคัญมาก
สรุป Voice Search Optimization ถือเป็นเทรนด์ที่ต้องจับตามอง เพราะมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและจะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในอนาคต ธุรกิจที่สามารถปรับตัวและเตรียมพร้อมสำหรับ Voice Search ได้ก่อน จะมีความได้เปรียบในการแข่งขันและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่า การปรับแต่งคอนเทนต์ ใช้ภาษาที่เป็นธรรมชาติ เน้น Local SEO พร้อม เสริมประสิทธิภาพของเว็บไซต์ จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ประสบความสำเร็จในยุคของ Voice Search นี้ได้อย่างแน่นอน

แชร์บทความ หรือข่าวสาร

Facebook
Line
Mail

หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจ

หรือ ต้องการการโปรโมทสินค้า
เจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับหาท่านภายใน 1 วัน


บทความที่เกี่ยวข้อง