การค้าระหว่างประเทศแบบ Off-shore trade นั้น อาจจะดูยากและมีความซับซ้อนสูง
Off-shore trade
Off-shore trade นั้นก็คือ การที่ได้ร่วมทำธุรกิจร่วมกันระหว่าง ทั้ง 3 ประเทศ หรือการค้าที่ผ่านตัวแทนและนายหน้า ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งในการค้าที่มีความสำคัญอยู่เหมือนกัน เพราะได้ก่อประโยชน์ให้ผู้นำเข้า-ผู้ส่งออก
ในการทำธุรกิจแบบ Off-shore trade นั้น ต้องมีตัวแทนของประเทศที่ 3 นอกเหนือจากผู้ส่งออก และนำเข้าสินค้า ซึ่งทางเราจะมีตัวอย่างดังต่อไปนี้
- ผู้ส่งออก : ประเทศไทย
- นายหน้า : ประเทศเกาหลีใต้
- ผู้นำเข้า : ประเทศสหรัฐอเมริกา
ส่วนเรื่องที่สำคัญในการขนส่งสินค้าโลจิสติกส์ระหว่างประเทศคือ เรื่องการชำระเงิน และขั้นตอนการส่งสินค้าและเตรียมเอกสาร
ซึ่งการค้าแบบ Off-shore trade นั้น ในส่วนของการเงิน เอกสาร จะมีวิธีการขั้นตอนที่แตกต่างกัน เพราะขั้นตอนในเรื่องจัดทำเอกสารจะมีความซับซ้อนขึ้นมามาก เช่น
1.การชำระเงิน
เมื่อนายหน้าประเทศเกาหลีและผู้นำเข้าประเทศอเมริกานั้น ได้ตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางผู้นำเข้าเอง จะทำการชำระเงินให้แก่นายหน้า ซึ่งนายหน้านั้น จะชำระเงินให้แก่ผู้ส่งออกนั้นคือประเทศไทย อีกที และเอกสาร Invoice จะนำให้แก่ผู้นำเข้า และได้บวกหรือรวมกำไรของนายหน้าเข้าไปไว้เรียบร้อย
2.การขนส่งสินค้า
ส่วนในเรื่องการขนส่งสินค้านั้น จะเป็นการส่งให้โดยตรง จะไม่ผ่านหน้านาย
ประโยชน์ของการทำธุรกิจแบ Off-shore trade
ประโยชน์ในฝั่งผู้ส่งออกนั้นคือ
- ลดระยะเวลาในการเจรจาหรือต่อรองกับทางฝ่ายผู้นำเข้าซึ่งจะสามารถลดต้นทุนสำหรับการขายสินค้า
- ลดในปัจจัยความเสี่ยงในการเรียกเก็บเงิบจากทางฝ่ายนำเข้าเป็นรายใหม่ ซึ่งในเรื่องของการเงินนั้นจะต้องผ่านตัวกลางที่มีประสบการณ์ ประโยชน์ในฝั่งผู้นำเข้านั้นคือ
- นายหน้าและตัวแทน สามารถที่จะเจรจาต่อรองในส่วนของเรื่องต้นทุนการขายและผู้นำเข้าก็สามารถที่จะลดต้นทุนของการขายได้เมื่อเปรียบเทียบแล้วกับการนำเข้าสินค้าด้วยตัวเอง
- ย่นระยะเวลาการขนส่ง เพราะสินค้าได้จัดส่งโดยตรงจากประเทศผู้ส่งออกไปยังประเทศที่เป็นผ้นำเข้า
- สินค้าไม่ต้องผ่านประเทศที่3 กรณีนี้จะไม่ถูกหักภาษี
ขอบคุณภาพปกจาก: Business photo created by rawpixel.com - www.freepik.com
ที่มา: forwarder-university