ในปัจจุบัน มี “อายุน้อยร้อยล้าน” กันเยอะมาก แต่น้อยมากที่เจ้าของกิจการเหล่านั้น จะพูดถึงในด้านที่เค้าเคยล้มเหลวมาก่อนที่จะประสบผลสำเร็จ ซึ่งส่วนมากจะออกมาบอกแค่ในส่วนเดียว คือส่วนที่สำเร็จแล้ว อยากรู้ไหมว่า ทำไมถึงเจ้าของธุรกิจเหล่านั้นถึงไม่บอกในส่วนที่ล้มเหลว เพราะ อาจจะกลัวเสียหน้า หรือ เหตุผลบางประการ แต่สิ่งที่เราจะ Focus คือ คนที่ประสบความสำเร็จ เค้าทำกันยังไง
“ทำยังไงให้บริษัทเป็นที่รู้จัก” ซึ่งการเป็นที่รู้จักจะนำไปสู่การปิดยอดการขาย การได้พันธมิตรทางธุรกิจเพิ่ม หรือ การที่ทำให้บริษัทเติบโตขึ้น ในกรณีที่ธุรกิจเราเป็น ธุรกิจประเภทค้าขาย นั่นคือการทำให้สินค้าของเรา “ขายได้” แต่จะทำอย่างไรให้สินค้าเราขายได้ คงต้องเริ่มจากคำถามที่ว่า “แล้วจะทำอย่างไรให้คนรู้จักสินค้าเรา”
โดยหลักการ (ที่บริษัทใหญ่ ๆ เขาทำกัน) เบื้องต้นก่อนที่จะออกสินค้ามาเป็นรูปเป็นร่างนั้นนักธุรกิจเขามักจะวางแผนเรื่องของ “การโฆษณาประชาสัมพันธ์” เพื่อให้คนได้มีโอกาสได้รู้จักสินค้าเหล่านั้นกันก่อน
แล้วประชาสัมพันธ์เขาทำกันอย่างไร !!!
จะใช้สื่อไหนดีเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากที่สุด (และเร็วด้วยนะ)
เมื่อรู้แล้วว่า การโฆษณาเป็นสิ่งที่ “ต้องทำ” (ไม่ใช่แค่ทางเลือก) แล้วเราควรจะใช้สื่อไหนจึงจะเข้าถึงลูกค้าได้มากและเร็วถ้าเราลองสังเกตนักธุรกิจที่พอมีเงินทุนหน่อยเขามักจะใช้สื่อที่จะเป็น “บันได” เพื่อทำให้เขาหรือสินค้าของเขาเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นหลายคนเลือกที่จะพาตัวเองไปออกรายการ TV เช่น อายุน้อยร้อยล้าน , woody เกิดมาคุย หรือรายการที่เกี่ยวกับธุรกิจ เส้นทางสร้างอาชีพ ฯ อะไรก็ว่าไป ผมเรียกช่องทางเหล่านี้ว่า “สะพานดาว” แต่คุณอาจจะต้องมีความสำเร็จในระดับหนึ่ง มีเงินทุนในระดับหนึ่งจึงจะก้าวไปสู่บันไดเหล่านี้ได้
เรามาดูสื่อช่องทางโฆษณาออนไลน์ มีอะไรบ้าง
1.Facebook Ads
จุดเด่นของ Facebook Ads
- Facebook Ads สนับสนุน Cross-media platform หรือก็คือแบรนด์จ่ายเงินซื้อโฆษณาผ่าน Facebook Manager และแบรนด์สามารถควบคุมโฆษณาให้แสดงผ่านทั้ง Facebook, Instagram, Messenger รวมไปถึง Audience Network อื่นๆ ด้วย
- Facebook Ads มีระบบ Automation สำหรับคนที่พึ่งเริ่มยิงโฆษณาผ่าน Facebook Ads Manager หรือถ้าเชี่ยวชาญแล้วสามารถ Custom แคมเปญได้ด้วยตัวเอง
- Facebook Ads ช่วยเจาะกลุ่มเป้าหมายให้แคบลงผ่าน Custom Audience ที่สามารถลงรายละเอียดได้ยิบย่อยเพื่อยิงให้ตรงเป้าหมายยิ่งขึ้น หรือแม้แต่การ Retarget ไปยังกลุ่ม ลูกค้าเดิมก็สามารถทำได้
จุดด้อยของ Facebook Ads
- Facebook Ads มีนโยบายในการลงโฆษณาที่เข้มงวด ถ้าทำผิดกฎอาจะถูกแบนได้
- Facebook Ads มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงตลอดจำเป็นต้องคอย update ข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ
2. Google Ads
จุดเด่นของ Google Ads
- Google Ads สามาถเจาะกลุ่มลูกค้าได้อย่างชัดเจนและแสดงผลได้หลากหลายรูปแบบ
- Google Ads มี Google Dispay Network ที่เป็นพาร์ทเนอร์ครอบคลุมทั่วโลก
- Google Ads ทำงานแบบระบบ Bid ที่แบรนด์จะจ่ายเงินต่อเมื่อมีคนคลิ๊กเข้าเว็บไซต์
จุดด้อยของ Google Ads
- Google Ads มีการใช้งานที่ค่อนข้างซับซ้อนต้องเรียนรู้และต้องทำการ Research Keyword อย่างละเอียดและเพิ่ม Negative Keyword
- ให้เพียงพอก่อนทำการลงโฆษณาเพื่อให้มั่นใจว่า Google Ads จะแสดงผลโฆษณาให้ถูกกลุ่มเป้าหมาย
3.Tiktok Ads
จุดเด่นของ Tiktok Ads
- Tiktok Ads เปิดพื้นที่ให้แบรนด์ที่อยากใช้ความสร้างสรรค์ของตัวเองมาโปรโมทสินค้าและบริการ รวมถึงยังให้โอกาสเหล่า Creator ร่วมสร้าง UGC ของตัวเองช่วยสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ออกเป็นวงกว้าง
- Tiktok Ads คือ Social Media ที่ไม่เป็นรองแอปพลิเคชันอื่นเลย ไม่ว่าจะจำนวนผู้ใช้งานหรือจำนวนผู้ดาวน์โหลดก็มีเยอะพอกับแอปยักษ์ใหญ่ตัวอื่น มีโอกาสสูงที่จะมีคนมารู้จักหรือเลือกซื้อสินค้าและบริการผ่านช่องทางนี้
จุดด้อยของ Tiktok Ads
- Tiktok Ads ไม่เหมาะกับแบรนด์ที่มีงบโฆษณาจำกัดหรือไม่สามารถยืดหยุ่นได้ เพราะมีราคาค่อนข้างแพงโดยเฉพาะโฆษณารูปแบบ Takeover
- Tiktok Ads ไม่เหมาะกับโฆษณาที่ต้องใช้ Text หรือรูปภาพที่เยอะเกินไป Tiktok อาจะไม่ใช่ทางเลือก ถ้าแบรนด์ไม่ได้มีความตั้งใจจะโปรโมทโฆษณาผ่านรูปแบบวิดีโอ
4.Instagram Ads
จุดเด่นของ Instagram Ads
- Instagram Ads ทำงานผ่าน Facebook Ads Manager ซึ่งแบรนด์ที่มีการสร้างแคมเปญผ่านทั้งสองช่องทางโฆษณาออนไลน์นี้สามารถติดตามและดูแลการทำงานได้จากที่เดียว
- Instagram Ads ให้โอกาสแบรนด์แสดงความเป็นตัวของตัวเองผ่าน Visual เป็นพื้นที่ที่สามารถนำเสนอสินค้าและบริการผ่านรูปภาพและวิดีโอได้อย่างเต็มที่
- Instagram Ads มีลูกเล่นเยอะไม่ว่าจะเป็นการเล่นกับ Hashtag ดังระดับโลกหรือเจาะกลุ่มเป้าหมาย หรือแม้แต่การสร้าง Interaction กับลูกค้าบน Story ผ่านฟีเจอร์ Question หรือ Poll Instagram Ads เปิดโอกาสให้แบรนด์ร่วมเป็น Partner กับเหล่าคนดัง
จุดด้อยของ Instagram Ads
- Instagram Ads มีผู้ใช้งานที่ค่อนข้างจำกัด เพราะว่าผู้ใช้งานส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงอายุ 18-34 ปี ในขณะที่ช่วงอายุอื่นมีน้อยกว่ามาก ดังนั้น Instagram อาจจะไม่ใช่ช่องทางที่ใช่สำหรับแบรนด์ที่ไม่ได้มีกลุ่มเป้าหมายในช่วงอายุนี้
- Instagram Ads ไม่เหมาะกับการโฆษณาที่เน้นใช้ข้อความหรือตัวอักษรที่เยอะ แถมยังไม่สามารถใส่ลิงก์ไว้ใน Caption ด้วย
- Instagram Ads อาจเหมาะแค่บางอุตสาหกรรมที่เน้น Visual มากกว่าธุรกิจที่มีสินค้าหรือบริการที่ซับซ้อน เช่น ธุรกิจ B2B แต่ยังสามารถใช้ช่องทางนี้สร้าง Awareness ของแบรนด์ได้อยู่
5.Twitter Ads
จุดเด่นของ Twitter Ads
- Twitter Ads มีการแบ่ง segmentation ที่ละเอียดทำให้เป้าหมายของโฆษณาแบรนด์แคบลงและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น โดยที่แบรนด์สามารถเลือก Keyword ในการทำโฆษณาได้และเลือก Objective ของโฆษณาได้เช่นเดียวกัน
- Twitter Ads คือพื้นที่ที่แบรนด์สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายได้ผ่านการใช้แฮชแท็กและนี่คือช่องทางออนไลน์ที่ผู้คนปฏิสัมพันธ์กับเทรนด์ในช่วงนั้นได้ดีที่สุด
จุดด้อยของ Twitter Ads
- Twitter Ads มีการติดตามผลการดำเนินงานของโฆษณา แต่อาจจะยังไม่ละเอียดเท่า Facebook หรือ Google Ads
- Twittter Ads อาจจะไม่เหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการให้โฆษณาอยู่บนหน้าไทม์ไลน์เป็นเวลานาน เพราะว่าเป็นช่องทางออนไลน์ที่ Timeline ไหลเร็วไปตามเทรนด์ ณ ขณะนั้น
- Twitter Ads เป็นการโฆษณาที่คำนวณ ROI (Return On Investment) ได้ยาก
6.LinkedIn Ads
จุดเด่นของ LinkedIn Ads
- LinkedIn Ads ใช้งานง่ายและสามารถสร้างโฆษณาได้อย่างรวดเร็ว
- LinkedIn Ads มีรูปแบบของโฆษณาที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพนิ่งหรือวีดีโอก็สามารถเลือกใช้สื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างอิสระ
- LinkedIn Ads มีโฆษณาแบบพิเศษสำหรับช่องทางนี้เท่านั้นนั่นก็คือการส่งโฆษณาผ่านทางข้อความไปหากลุ่มเป้าหมายเป็นรายบุคคลได้
จุดด้อยของ LinkedIn Ads
- การสร้างโฆษณาผ่าน LinkedIn Ads จะต้องมีงบประมาณขั้นต่ำประมาณ 300 บาทต่อวัน อาจจะไม่เหมาะกับแบรนด์ที่มีงบประมาณน้อยหรืองบประมาณไม่สามารถยืดหยุ่นได้
- LinkedIn Ads อาจเข้าถึงกลุ่ม Audience ได้ไม่หลากหลายในประเทศไทยและเหมาะกับการใช้งานแค่บางอย่าง เช่น Recruitment หรือ Lead Generation สำหรับ B2B
7.LINE Ads platform
จุดเด่นของ Line Ads Platform
- LINE มีผู้ใช้งานกว่า 49 ล้านคนและมีโอกาสที่จะมีผู้พบเห็นหรือเข้าชมโฆษณาสูงขึ้น
- LINE มีทีมซัพพอร์ตเป็นคนไทย สามารถสื่อสารด้วยภาษาไทยได้
จุดด้อยของ LINE Ads Platform
- LINE คือแอปพลิเคชันที่ผู้คนมักจะใช้ chat กันมากที่สุด ดังนั้นโอกาสที่พวกเขาจะเข้าไปหน้าอื่นๆ นอกเหนือจากหน้า Chat จะน้อยลง
- แบรนด์ที่ซื้อโฆษณาผ่าน LINE Ads Platform ด้วยตนเองไม่สามารถเลือกวัตถุประสงค์บางข้อได้จำเป็นต้องพึ่งพาเอเจนซี่
8.YouTube Ads
จุดเด่นของ YouTube Ads
- YouTube Ads เป็นช่องทางโฆษณาออนไลน์ที่เหมาะกับการนำเสนอคอนเทนต์แบบวิดีโอ
- YouTube Ads ทำงานผ่าน Google Ads และแบรนด์สามารถวัดผลได้จากที่เดียวเลย
จุดด้อยของ YouTube Ads
- สำหรับการทำ YouTube Ads นั้นแบรนด์ต้องลงทุนในการสร้างวิดีโอ
- YouTube Ads อาจมีข้อจำกัดในเรื่อง Targeting ซึ่งแบรนด์ต้องทำความเข้าใจก่อนใช้งาน
9.Shopee Ads
จุดเด่นของ Shopee Ads
- Shopee Ads มีระบบที่คล้ายคลึงกับ Google Ads ดังนั้นถ้ามีประสบการณ์อาจจะไม่ใช่เรื่องยากมาก
- Shopee Ads เน้นการทำ Native Ads ที่สามารถกลมกลืนโฆษณาไปกับหน้า Timeline ได้
จุดด้อยของ Shopee Ads
- Ad Rank ขึ้นอยู่กับจำนวนราคาประมูล Keyword อาจะไม่เหมาะกับแบรนด์ที่มีงบจำกัด
10.Lazada Ads
จุดเด่นของ Lazada Ads
- Lazada Ads มีการทำงานคล้าย Google Ads ที่สามารถจ่ายเงินเพื่อทำ Search Ads รวมถึง Display Ads ภายนอก
- Lazada Ads แบบ Partner Promotion จะไม่คิดเงินจากการคลิก แต่จากการซื้อขาย ทำให้แบรนด์ไม่ต้องเสียเงินหลายต่อ
จุดด้อยของ Lazada Ads
- Search Ads บน Lazada อาจไม่เหมาะกับแบรนด์ที่มี Budget จำกัดหรือไม่สามารถยืดหยุ่นได้
ซึ่งทั้งหมดก็มีทั้งจุดเด่นและจุดด้อยของตัวเอง
พื้นที่เหล่านี้ล้วนเป็นเหมือนเครื่องช่วยกระจาย awareness ให้กับแบรนด์ ดังนั้นก่อนการเลือกจ่ายเงินเพื่อโปรโมทสินค้าและบริการนั้น แบรนด์จำเป็นต้องรู้ว่าสินค้าและบริการของตัวเองคืออะไรและกลุ่มลูกค้าของแบรนด์คือใคร มีพฤติกรรมอย่างไร มักจะอยู่ในพื้นที่ออนไลน์แบบไหน คำถามเหล่านี้จะช่วยให้แบรนด์สามารถวาดภาพของธุรกิจได้ชัดเจนยิ่งขึ้น รวมถึงยังสามารถสร้างแคมเปญที่ไปถึงกลุ่มลูกค้าอย่างแท้จริงเพราะว่ากลยุทธ์คือคือกำลังหลักของการทำธุรกิจ