ค้นหา
4PL คืออะไร แตกต่างจาก 3PL และสำคัญอย่างไร กับโลจิสติกส์

4PL คืออะไร แตกต่างจาก 3PL และสำคัญอย่างไร กับโลจิสติกส์

การจ้างงานในธุรกิจโลจิสติกส์มีทั้งการจ้างผู้ให้บริการโลจิสติกส์ภายนอก (Outsourcing Logistics Service) และการจ้างบริหารจัดการโลจิสติกส์ภายในองค์กร (In-house Logistics Management) ซึ่งในยุคสมัยนี้ เรากำลังก้าวเข้าสู่สังคม 5G แต่ในส่วนของการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์นั้นก็กำลังเดินทางเข้าสู่ยุค 5PL ซึ่งหลายต่อหลายคนอาจจะมีความสงสัยว่า 1PL 2PL 3PL 4PL และ 5PL แตกต่างกันอย่างไรบ้าง ในวันนี้ทางเราจะมาอธิบายในแต่ละหัวข้อครับ 

 3PL และ 4PL

1PL (First Party Logistics) 
หมายถึง องค์กรธุรกิจที่เป็นผู้ทำกิจกรรมโลจิสติกส์ด้วยตนเอง โดยไม่ได้ทำกิจกรรมใดๆร่วมกับผู้อื่น เช่น ผู้ขาย หรือผู้ผลิตสินค้าเป็นผู้จัดเก็บสินค้า และขนส่งสินค้าไปให้ลูกค้าด้วยตนเอง

แต่อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันในการทำกิจกรรมเช่นนี้ มักจะเป็นเรื่องยากโดยที่จะมีธุรกิจใดที่สามารถดำเนินกิจกรรมโลจิสติกส์นั้นได้ด้วยตัวเองตลอดกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำ หรือเริ่มแหล่งวัตถุดิบจนไปถึงปลายน้ำถึงหรือส่งมอบสินค้าถึงมือผู้บริโภค ดังนี้จึงทำให้เกิด 2PL ขึ้นมา

2PL (Second Party Logistics) 
หมายถึง ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ในระดับขั้นพื้นฐาน ซึ่งส่วนใหญ่ให้บริการขนส่งสินค้าเพียงอย่างเดียวที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เช่น ทางอากาศ (เครื่องบิน) ทางน้ำ (เรือบรรทุกสินค้า) ทางบก (รถบรรทุก) หรือทางรถไฟ ในการขนส่งสินค้าจากจุดต้นทางไปยังปลายทางหรือจุดกระจายสินค้า 

3PL (Third-Party Logistics)
หมายถึงบริษัทที่ทำหน้าที่ ให้บริการทางโลจิสติกส์รูปแบบต่าง ๆแก่ลูกค้าเป็นต้นว่าทำหน้าที่จัดส่งชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์
มาให้โรงงาน จัดส่งสินค้าที่ผลิตเสร็จแล้ว จากโรงงานไปให้ร้านค้าหรือตัวแทนจำหน่าย โดยทั่วไปแล้ว 3PL จะให้ บริการหลายอย่างเช่น การขนส่ง คลังสินค้า เพื่อจัดเก็บ การทำ Cross-docking การบริหารจัดการพัสดุคงคลัง การบรรจุหีบห่อ

ผู้ให้บริการโลจิสติกส์บุคคลที่ 3 (Third Party Logistics Provider, 3PL) เป็นผู้ให้บริการงานที่เกี่ยวกับโลจิสติกส์ ซึ่งการให้บริการต้องอาศัยทักษะและเครือข่ายธุรกิจในระดับโลก (Global Network) โดยมีเครื่องมือเทคโนโลยี และการลงทุน ลักษณะงานที่ให้บริการจะมีขอบเขตความรับผิดชอบกว้างขวาง โดยเป็นตัวแทนของผู้ว่าจ้าง (User) กับลูกค้าหรือคู่ค้า และมีความเชื่อมโยงเป็นบูรณาการโดยผู้ใช้บริการจะเป็นผู้ใช้งานจริง ผู้ให้บริการลักษณะนี้ต้องมีการลงทุนที่สูงโดยเฉพาะต้องมีเครือข่ายในระดับโลก (Third Party Logistics, 3PL/TPL หรือ Forwarding Logistics หรือ Contract Logistics) คือ กิจกรรมต่างๆ ที่กระทำโดยผู้ให้บริการโลจิสติกส์ในนามของผู้ส่งของโดยประกอบด้วยอย่างน้อยการบริการการจัดการและการปฏิบัติการทางด้านการขนส่งและการจัดการสินค้าคงคลัง ดังภาพแสดง ความแตกต่าง ระหว่าง การรับเหมาช่วง (Subcontractor) กับการบริการแบบ 3PL

ความสำคัญของการจ้างงาน 3PL
การจ้างงานบริการโลจิสติกส์แบบ Third-Party Logistics (3PL) มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อธุรกิจในปัจจุบัน เรียงความต่อไปนี้จะอธิบายถึงความสำคัญของ 3PL การจ้างงานบริการ 3PL เป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์ได้อย่างมีประสิทธิผล โดยการมอบหมายกิจกรรมโลจิสติกส์ให้กับผู้เชี่ยวชาญภายนอก องค์กรสามารถมุ่งเน้นทรัพยากรและความพยายามไปที่กิจกรรมหลักของธุรกิจได้มากขึ้น

ประการแรก การใช้บริการ 3PL ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีนัยสำคัญ ผู้ให้บริการ 3PL มีความเชี่ยวชาญและมีขนาดการดำเนินงานที่ใหญ่กว่า ทำให้สามารถประหยัดต่อขนาดและลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งและจัดเก็บสินค้าได้ นอกจากนี้ ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยี เนื่องจากผู้ให้บริการ 3PL มีระบบและอุปกรณ์ที่ทันสมัยอยู่แล้ว

ประการที่สอง การจ้างงาน 3PL ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับธุรกิจ องค์กรสามารถปรับขนาดการดำเนินงานได้ตามความต้องการที่เปลี่ยนแปลง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดการทรัพยากรภายใน ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในช่วงที่มีความต้องการสูงหรือในช่วงที่ธุรกิจขยายตัว

ประการที่สาม ผู้ให้บริการ 3PL มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์เฉพาะทาง ซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพการบริการและประสิทธิภาพในการจัดการห่วงโซ่อุปทาน พวกเขามีความรู้เกี่ยวกับกฎระเบียบและแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงและปรับปรุงการปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆ

สุดท้าย การใช้บริการ 3PL ช่วยให้องค์กรสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมล่าสุดในด้านโลจิสติกส์ ผู้ให้บริการ 3PL มักลงทุนในระบบการจัดการคลังสินค้า ระบบติดตามการขนส่ง และเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลที่ทันสมัย ซึ่งช่วยเพิ่มความโปร่งใสและประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

4PL (Fourth Party Logistics)
หมายถึง บริษัทที่เป็นคนกลางคอยเชื่อมต่อ ประสานงานระหว่างลูกค้า กับ 3PL หลาย ๆ เจ้า 4PLหรือ Fourth Party Logistics พัฒนามาจาก3PLเพื่อตอบสนองความต้องการที่ซับซ้อนของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะงานทางด้าน IT และ การบริหารงานด้านกระบวนการจัดการทางธุรกิจโดยอาศัยเครือข่ายการจัดการระบบ และครอบครุม ส่วน PL หรือ Fifth Party Logistics เป็นธุรกิจที่พัฒนาเพื่อให้บริการทางด้าน E-Business Market ซึ่งทั้งผู้จัดหา 3PL 4PL เหล่านี้จะทำการบริหารผู้ที่มีส่วนร่วมทุกฝ่ายในโซ่อุปทาน ผ่านทาง e-commerce โดยมีกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ คือระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ IT

ในส่วนของผู้ให้บริการบุคคลที่ 4 (Fourth Party Logistics Provider, 4PL) เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ในระดับที่มี่การบูรณาการสูงมาก เป็นผู้รับผิดชอบบริหารจัดการ ควบคุมผู้ให้บริการ3PL ในแต่ละรายให้สามารถเชื่อมโยงการทำงาน คือทำหน้าที่เป็นตัวแทนของผู้รับบริการในการควบคุมและกำกับ 3PL ให้ปฏิบัติไปตามข้อตกลงซึ่งได้มีสัญญาไวกับผู้ใช้บริการ

ลักษณะที่สำคัญของ 4PL (Fourth-Party Logistics) มีดังนี้
การบูรณาการห่วงโซ่อุปทาน : 4PL จัดการและประสานงานทั้งห่วงโซ่อุปทานแบบครบวงจร
เป็นคนกลาง : ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างลูกค้าและผู้ให้บริการโลจิสติกส์อื่นๆ
การใช้เทคโนโลยี : นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูล
การให้คำปรึกษา : ให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทาน
ความยืดหยุ่น : สามารถปรับเปลี่ยนบริการให้เหมาะกับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย
การจัดการทรัพยากร : บริหารจัดการทรัพยากรทั้งหมดในห่วงโซ่อุปทานอย่างมีประสิทธิภาพ
การวัดผลและรายงาน : ให้ข้อมูลเชิงลึกและรายงานผลการดำเนินงานอย่างละเอียด

ความสำคัญของการจ้างงาน 4PL
การจ้างงานบริการโลจิสติกส์แบบ Fourth-Party Logistics (4PL) เป็นแนวคิดที่ก้าวหน้าและมีความสำคัญอย่างยิ่งในการจัดการห่วงโซ่อุปทานสมัยใหม่ เรียงความต่อไปนี้จะอธิบายถึงความสำคัญของการจ้างงาน 4PL

4PL เป็นรูปแบบการจัดการโลจิสติกส์ที่ครอบคลุมและซับซ้อนมากกว่า 3PL โดย 4PL ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานหลักในการจัดการทั้งห่วงโซ่อุปทาน ไม่เพียงแต่ให้บริการด้านการขนส่งและคลังสินค้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการวางแผนกลยุทธ์ การจัดการผู้ให้บริการรายอื่น และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อการตัดสินใจ

ประการแรก การจ้างงาน 4PL ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการห่วงโซ่อุปทานแบบองค์รวม ผู้ให้บริการ 4PL มีมุมมองที่ครอบคลุมทั้งระบบ สามารถระบุและแก้ไขจุดที่ไม่มีประสิทธิภาพตลอดทั้งห่วงโซ่ ซึ่งนำไปสู่การลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวม

ประการที่สอง 4PL ช่วยให้องค์กรสามารถเข้าถึงความเชี่ยวชาญระดับสูงในการจัดการโลจิสติกส์ ผู้ให้บริการ 4PL มักมีทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ลึกซึ้งในหลากหลายด้าน เช่น การวางแผนเครือข่าย การจัดการความเสี่ยง และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง ซึ่งช่วยยกระดับการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ขององค์กร

ประการที่สาม การใช้บริการ 4PL ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความคล่องตัวให้กับธุรกิจ ด้วยการจัดการเครือข่ายผู้ให้บริการที่หลากหลาย 4PL สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และทรัพยากรได้อย่างรวดเร็วตามสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลง ทำให้องค์กรสามารถตอบสนองต่อความท้าทายใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประการที่สี่ 4PL มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ด้วยความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมและการเข้าถึงเทคโนโลยีล่าสุด 4PL สามารถนำเสนอแนวคิดและวิธีการใหม่ ๆ ในการปรับปรุงกระบวนการทางโลจิสติกส์ ซึ่งช่วยให้องค์กรรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันในระยะยาว

ประการสุดท้าย การจ้างงาน 4PL ช่วยลดความซับซ้อนในการจัดการห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีการดำเนินงานระดับโลก 4PL ทำหน้าที่เป็นจุดติดต่อเดียวสำหรับการจัดการทั้งหมด ช่วยลดภาระการประสานงานและการจัดการความสัมพันธ์กับผู้ให้บริการหลายราย

โดยสรุป การจ้างงานบริการ 4PL มีความสำคัญอย่างยิ่งในการยกระดับการจัดการห่วงโซ่อุปทานให้มีประสิทธิภาพและความซับซ้อนมากขึ้น ช่วยให้องค์กรสามารถมุ่งเน้นไปที่กิจกรรมหลักของธุรกิจ ในขณะที่ได้รับประโยชน์จากการจัดการโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพและยืดหยุ่น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาดโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ข้อแตกต่างของ 4PL
ในโลกของโลจิสติกส์และการจัดการห่วงโซ่อุปทาน 4PL (Fourth-Party Logistics) ถือเป็นรูปแบบที่ก้าวหน้าและซับซ้อนที่สุด โดยมีข้อแตกต่างที่สำคัญจากรูปแบบอื่นๆ ทั้งในแง่ของการให้บริการ ระดับบูรณาการ และบทบาทในการสนับสนุนธุรกิจของลูกค้า เริ่มจากขอบเขตการให้บริการ 4PL แตกต่างอย่างชัดเจนจาก 1PL, 2PL และ 3PL โดย 1PL คือการที่บริษัทจัดการโลจิสติกส์ด้วยตนเอง 2PL ให้บริการเฉพาะด้าน เช่น การขนส่งหรือคลังสินค้า และ 3PL ให้บริการหลายด้านแต่ไม่ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่ ในขณะที่ 4PL บริหารจัดการทั้งห่วงโซ่อุปทานแบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบไปจนถึงการส่งมอบสินค้าถึงมือลูกค้า

ระดับการบูรณาการกับธุรกิจของลูกค้าเป็นอีกจุดที่ 4PL โดดเด่น โดย 4PL จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้า เสมือนเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร มีความเข้าใจในเป้าหมายและกลยุทธ์ทางธุรกิจของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง ซึ่งแตกต่างจากรูปแบบอื่นที่มักจำกัดอยู่ที่การให้บริการตามที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น การใช้เทคโนโลยีก็เป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของ 4PL โดยมักนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ในการวิเคราะห์และจัดการข้อมูล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งอาจไม่พบในรูปแบบอื่นที่อาจใช้เทคโนโลยีในระดับที่ต่ำกว่า

นอกจากนี้ 4PL ยังมีบทบาทสำคัญในการให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ ไม่เพียงแค่จัดการโลจิสติกส์ แต่ยังช่วยลูกค้าในการวางแผนและปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจ ซึ่งแตกต่างจากรูปแบบอื่นที่มักเน้นการปฏิบัติงานตามคำสั่งเป็นหลัก 4PL ยังมีหน้าที่ในการจัดการผู้ให้บริการโลจิสติกส์อื่นๆ แทนลูกค้า ทำให้ลูกค้าสามารถมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลักของตนได้ ในขณะที่รูปแบบอื่นอาจไม่มีบทบาทนี้

5PL (Fifth Party Logistics)
หมายถึง ธุรกิจจะร่วมมือกับพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ภายนอกที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีขั้นสูงและการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการห่วงโซ่อุปทาน ผู้ให้บริการ 5PL มีบทบาทสำคัญในการจัดเตรียมและปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นไปที่การตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและการสร้างแบบจำลองเชิงคาดการณ์ ทำหน้าที่เป็นผู้วางแผน ผู้รวบรวม จัดหา บริหารความมีส่วนร่วมให้แก่ลูกค้าทุกๆ PL ครบคลุมทุกกระบวนการโลจิสติกส์ผ่านทางรูปแบบ e-Business platform หรือนำเทคโนโลยีต่างๆ เช่น  Blockchain, Robotics ระบบ Automation หรือ Bluetooth

โลจิสติกส์แบบองค์รวม

การเลือกใช้บริการ 1PL 2PL  3PL  4PL  หรือ 5PL นั้นขึ้นอยู่กับขนาดและความซับซ้อนของธุรกิจ โดย 3PL อาจเหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ที่ต้องการความยืดหยุ่นและการควบคุมต้นทุนมากกว่า ในขณะที่ธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีความต้องการโลจิสติกส์ที่ซับซ้อนมากอาจประสบความสะดวกจากการใช้บริการ 4PL เนื่องจากสามารถบูรณาการผู้ให้บริการหลายราย และลดภาระในการบริหารจัดการ

นอกจากนี้ การตัดสินใจเลือกใช้บริการ 3PL หรือ 4PL ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ เช่น ข้อจำกัดด้านทรัพยากร ความชำนาญ และความเชี่ยวชาญของบริษัทโลจิสติกส์ต่างๆ รวมถึงข้อกำหนดด้านกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น ดังนั้น การมีกลยุทธ์โลจิสติกส์ที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของธุรกิจจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
บริษัท โคโนอิเกะ คูล โลจิสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด
บริษัท โคโนอิเกะ คูล โลจิสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด  สามารถจัดการสินค้าได้หลากหลายตั้งแต่อาหารสดไปจนถึงส่วนประกอบที่มีความแม่นยำ และแม้กระทั่งการขนส่งพืชสำหรับการก่อสร้างโรงงานในต่างประเทศ เราสนับสนุนธุรกิจระดับโลกของลูกค้าของเราด้วยการนำเสนอการขนส่งข้ามพรมแดนรวมถึง Express Series ที่ช่วยลดเวลาการขนส่งทางทะเลไปยังญี่ปุ่น อีกทั้งยังให้บริการ คลังสินค้าและขนส่งควบคุมอุณหภูมิ ผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO9001:2015, GHPs, Food Defense, GSDP ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทชั้นนำในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน หากคุณมีข้อสงสัย สามารถติดต่อ บริษัท โคโนอิเกะ คูล โลจิสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ทางโทรศัพท์ 02-337-3013  Sales Department  : 063-269-0135  คุณสมคิด Sales Department : 061-393-7998  คุณมินนี่  หรือ Line id : @495apobz 

ขอใบเสนอราคา

แบบฟอร์มสำหรับ บริษัท โคโนอิเกะ คูล โลจิสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เท่านั้น !

แชร์บทความ หรือข่าวสาร

Facebook
Line
Mail

บทความที่เกี่ยวข้อง