ยุคนี้เป็นยุคที่ ไม่ว่าอะไรก็ตาม ก็มักจะเชื่อมต่อถึงกันโดยไม่มีพรมแดน ตั้งแต่ระบบการติดต่อสื่อสาร ไปจนถึงการแลกเปลี่ยนสินค้าจากทั่วทุกมุมโลกเลยก็ว่าได้ ซึ่งผู้บริโภคจากต่างถิ่นต่างแดน ได้เข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้โดยไม่มีระยะทางหรือแม้แต่ข้อจำกัดการเดินทาง ยิ่งช่วงสถานการณ์โรคระบาดแบบตอนนี้นับว่าเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่ง ทำให้หลายธุรกิจนั้นต้องปรับเปลี่ยนและเพิ่มโอกาสการสร้างยอดขายผ่านการนำเข้าและส่งออกสินค้า ตลอดจนเพิ่มทางเลือกให้กับฐานลูกค้าเดิมในประเทศ ซึ่งเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะมาสร้างโอกาสใหม่ๆ ก็คือ การบริการนำเข้าและส่งออก ซึ่งการันตีความราบรื่นและสะดวกมากขึ้นในทุกขั้นตอน
รู้จักบริการชิปปิ้ง นำเข้า/ส่งออก ว่ามีกระบวนการอย่างไรและต้องผ่านใครบ้าง
เมื่อสินค้าที่มีอยู่นั้นอาจจะยังไม่ตอบโจทย์ของผู้บริโภค การที่จะหาตัวเลือกใหม่ๆ อาทิ เช่นการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศซึ่งอาจจะมีราคาที่ถูกกว่ากับการผลิตเอง หรือการนำเข้าสินค้าที่ไม่สามารถผลิตได้ในประเทศของตนเองได้ จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ผู้ประกอบการหลายๆคนหันมาสนใจ และ ในตรงกันข้ามนั้น ธุรกิจของคุณเองมีสินค้าที่น่าสนใจ เป็นที่โดดเด่น และต้องการขยายตลาดสินค้าตนเองออกไปสู่ลูกค้าที่ต่างประเทศ หรือเป็นสินค้าท้องถิ่นของประเทศไทยเองแต่ยังไม่สามารถที่จะหาซื้อได้ในต่างประเทศ การส่งออกสินค้าก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณนั้นเติบโตได้ ด้วยเหตุนี้การนำเข้าหรือส่งออก ก็ยังไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีขั้นตอนอีกมากมาย และมีขั้นตอนดำเนินการหลายขั้นตอน ถ้าหากไม่ได้ใช้บริการชิปปิ้งนั้น อาจจะทำให้มีการเกิดความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ นั้นหมายถึงอาจจะต้องเสียค่าปรับหรือถูกปฏิเสธการนำเข้าทั้งในประเทศและประเทศปลายทาง
เทรนด์นำเข้า/ส่งออกในปัจจุบันเป็นอย่างไร อุตสาหกรรมไหนน่าจับตามอง
แม้ว่าปีที่ผ่านมานั้น มูลค่าในการนำเข้าและส่งออกของไทยได้หดตัวลดลง เพราะอาจจะเกี่ยวข้องกับมาตราฐานต่างๆที่เกี่ยวเนื่องกับการระบาดของโรคโควิด -19 และการที่ขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์สินค้า ซึ่งในปี2564 นั้น มีสัญญาณว่าการค้าจะค่อยๆกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง เพราะสถานการณ์โรคระบาดปัจจุบัน เริ่มที่จะควบคุมได้แล้ว โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มด้านสุขภาพที่ทำได้ดีทั้งการส่งออกและนำเข้า เพราะปัจจุบันผู้บริโภคนั้นตื่นตัวและหันมาสนใจเกี่ยวกับสุขภาพกันมากยิ่งขึ้น และประเทศไทยเองก็มีวัตถุดิบที่เอื้อต่อการผลิตสมุนไพรและผลิตภัณฑ์อุปโภคและบริโภคเน้นเรื่องการดูแลสุขภาพอีกเช่นกัน ธุรกิจแบบนี้จึงเป็นกลุ่มที่น่าจับตามองว่าจะขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้มากน้อยได้แค่ไหน
เลือกบริการนำเข้าส่งออกสำหรับธุรกิจควรคำนึงถึงเรื่องใดบ้าง
ไม่ว่าธุรกิจของคุณนั้นจะมีขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ก็ตาม ความสะดวกสบายในทุกขั้นตอนในการดำเนินการถือเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะอย่างน้อยสามารถที่จะลดต้นทุนด้านเวลาและการดำเนินการอันซับซ้อนและเสี่ยงต่อการผิดพลาดได้ ซึ่งหากใครที่กำลังตามหาบริษัทชิปปิ้งที่เหมาะกับธุรกิจของตัวเอง ควรคำนึง 5 ข้อ เหล่านี้ เพื่อให้สินค้าส่งถึงปลายทางได้อย่างรวดเร็ว
1.ตัวเลือกในการขนส่ง
การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศนั้น มี 3 ประเภท คือ ทางถนน ทางอากาศและทางน้ำ ซึ่งแต่ละช่องทางนี่นย่อมมีการดำเนินการและกฎระเบียบที่ต่างกัน อีกทั้งยังเหมาะกับความต้องการในแต่ละสินค้าไม่เหมือนกัน ก่อนที่จะใช้บริการนำเข้าและส่งออกนั้น ควรจะเช็คถึงความต้องการ เช่น ความต้องการที่จะส่งสินค้าด่วนมากน้อยแค่ไหน ขนาดและจำนวนของสินค้าเองว่าสามารถขนส่งทางอากาศได้หรือเปล่า และค่าบริการการขนส่งดังกล่าวสอดคล้องกับต้นทุนของคุณเองหรือเปล่า
2.บริการด้านศุลกากรและเอกสารที่เกี่ยวข้อง
ผู้ให้บริการนำเข้าและส่งออก ที่คุณเลือกใช้ควรที่จะมีเจ้าหน้าที่ ที่มีความเชี่ยวชาญและมืออาชีพในส่วนของเอกสารที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ระเบียบพิธีการศุลการกรทั้งที่ประเทศต้นทางและปลายทางตลาด จนต้องสามารถให้คำแนะนำๆสิ่งต่างๆที่จำเป็นต่อผู้ใช้บริการได้อีกด้วย
3.ช่องทางในการติดต่อและอัพเดตสถานะ
เพราะตั้งแต่ที่สินค้าออกจากคลังสินค้าไป ย่อมเกิดความไม่มั่นใจว่าของจะถึงปลายทางตามที่กำหนดหรือไม่ หรือพบอุปสรรคที่ขั้นตอนไหน โลจิสติกส์เองที่ได้ให้บริการจะต้องมีระบบอัพเดตสถานะที่ใช้งานได้ง่ายและให้ข้อมูลที่ถูกต้องและแม่นยำ อีกทั้งยังต้องมีช่องทางการพูดคุยระหว่างผู้ใช้บริการและเจ้าหน้าที่ได้อย่างชัดเจน เพื่อคลายความกังวลของคุณเอง
4.มีอัตราค่าบริการที่ชัดเจนและตรวจสอบได้
ในส่วนของค่าบริการนั้นนับว่าเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเลือกใช้บริการทั้งนำเข้าและส่งออก เพราะนั้นหมายถึงต้นทุนของคุณอาจจะเพิ่มมากขึ้นหรือน้อยลง และคุณภาพของบริษัทที่ให้บริการโลจิสติกส์ที่จะได้รับ ดังนั้น ควรที่จะสำรวจราคาตลาดก่อนเพื่อจะได้มีข้อมูลไว้ใช้อ้างอิงกับการเลือกใช้บริการ
หากธุรกิจของคุณต้องการใช้บริการนำเข้า/ส่งออก ต้องเตรียมพร้อมอย่างไรบ้าง
หากต้องการที่จะนำเข้าหรือส่งออกสินค้า ในอันดับแรกเลยคือต้องเลือกบริษัทที่มีบริการชิปปิ้งเพื่อใช้บริการก่อน โดยเงื่อนไขต่างๆนั้นในแต่ละของบริษัทจะแตกต่างกันออกไปตามกลุ่มเป้าหมายของชิปปิ้งรายนั้นอยู่ ถ้าหากได้บริษัทชิปปิ้ง ตามความต้องการของคุณแล้ว จะต้องเตรียมเอกสารดังต่อไปนี้เพื่อให้เจ้าหน้าที่นำไปดำเนินการ
- บัญชีราคาสินค้า(Invoice)
- บัญชีรายละเอียดบรรจุหีบห่อ(Packing List)
- ใบอนุญาหรือหนังสืออนุญาต
- ใบตราส่งสินค้า (Bill of landing หรือ Air Waybill ในกรณีขนส่งทางสินค้า)
ที่มา: scglogistics