ในยุคที่ตลาดแรงงานมีการแข่งขันสูง การสร้างประวัติส่วนตัวหรือเรซูเม่ที่โดดเด่นและน่าสนใจเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณได้รับการพิจารณาจาก บริษัทจัดหางาน และนายจ้าง ประวัติที่ดีควรสะท้อนถึงทักษะ ประสบการณ์ และคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่คุณสนใจ รวมถึงมีรูปแบบที่เป็นมืออาชีพและดึงดูดความสนใจของผู้อ่าน ต่อไปนี้คือเคล็ดลับในการทำประวัติสำหรับ บริษัทจัดหางาน
- เลือกรูปแบบประวัติที่เหมาะสม
รูปแบบของประวัติมีหลายแบบ เช่น Chronological (เรียงตามลำดับเวลา), Functional (เน้นทักษะและความสามารถ) และ Combination (ผสมผสานทั้งสองแบบ) ให้เลือกรูปแบบที่เหมาะกับประสบการณ์และเป้าหมายในอาชีพของคุณ โดยทั่วไป รูปแบบ Chronological เหมาะสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ทำงานต่อเนื่องในสายงานเดียวกัน ในขณะที่ Functional เหมาะสำหรับผู้ที่มีช่องว่างในการทำงานหรือต้องการเปลี่ยนสายอาชีพ - เขียนบทสรุปที่น่าสนใจ
บทสรุป (Summary หรือ Objective) เป็นส่วนแรกของประวัติที่บอกให้นายจ้างรู้ว่าคุณเป็นใคร มีความสามารถอะไร และกำลังมองหางานประเภทใด บทสรุปที่ดีควรกระชับ ได้ใจความ และเฉพาะเจาะจงกับตำแหน่งที่คุณสมัคร หลีกเลี่ยงการใช้ข้อความกว้างๆ หรือคลิเช่ที่ใช้กันทั่วไป และเน้นย้ำถึงคุณสมบัติหรือทักษะที่โดดเด่นของคุณ - เน้นประสบการณ์ทำงานที่เกี่ยวข้อง
ในส่วนประสบการณ์ทำงาน (Work Experience) ให้เลือกระบุเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องหรือมีทักษะที่ตรงกับตำแหน่งที่คุณสมัคร โดยเรียงลำดับจากปัจจุบันไปอดีต สำหรับแต่ละงาน ให้เขียนชื่อบริษัท ตำแหน่ง ระยะเวลาที่ทำงาน และหน้าที่รับผิดชอบหลักๆ ใช้จุดนำ (Bullet Points) ในการอธิบายความสำเร็จหรือผลงานที่โดดเด่น และใช้ตัวเลขเพื่อแสดงผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม เช่น "เพิ่มยอดขายได้ 20% ภายใน 6 เดือน" - ระบุการศึกษาและการฝึกอบรม
ในส่วนการศึกษา (Education) ให้ระบุวุฒิการศึกษาสูงสุดก่อน ตามด้วยวุฒิการศึกษาอื่นๆ โดยเรียงลำดับจากปัจจุบันไปอดีต หากคุณมีใบรับรองหรือใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่สมัคร ให้ระบุไว้ในส่วนนี้ด้วย นอกจากนี้ หากคุณเคยเข้ารับการฝึกอบรมหรืออบรมที่เกี่ยวข้องกับสายงาน ก็สามารถระบุไว้ต่อจากส่วนการศึกษา - แสดงทักษะและความสามารถ
การระบุทักษะและความสามารถ (Skills) ที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่สมัครจะช่วยให้นายจ้างเห็นคุณค่าของคุณได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ให้เลือกทักษะที่เป็นที่ต้องการในตำแหน่งนั้นๆ ทั้งทักษะด้าน Hard Skills (เช่น ภาษา โปรแกรมคอมพิวเตอร์) และ Soft Skills (เช่น การทำงานเป็นทีม การสื่อสาร) แล้วจัดเรียงตามความเกี่ยวข้องและความสำคัญ - เพิ่มส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
หากคุณมีกิจกรรมหรือผลงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่สมัคร เช่น งานอาสาสมัคร ผลงานที่ได้รับรางวัล หรือโครงการพิเศษ สามารถเพิ่มไว้ในส่วนท้ายของประวัติได้ แต่ต้องเลือกเฉพาะสิ่งที่จะช่วยเสริมให้คุณดูเหมาะสมกับตำแหน่งมากขึ้น - ใช้การออกแบบที่เป็นมืออาชีพ
รูปแบบและการออกแบบประวัติที่ดูเป็นมืออาชีพจะช่วยดึงดูดความสนใจของผู้อ่าน ให้เลือกใช้ตัวอักษรและขนาดที่อ่านง่าย มีพื้นที่ว่างพอเหมาะ และใช้สีสันอย่างจำกัด ควรมีความยาวไม่เกิน 2-3 หน้า และไม่มีข้อผิดพลาดในการสะกดคำหรือไวยากรณ์ อาจใช้แม่แบบประวัติ (Resume Template) ที่มีให้เลือกใช้ฟรีทางออนไลน์ได้ แต่ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีเนื้อหาถูกต้องและเหมาะสมกับตำแหน่งที่สมัคร - ให้ข้อมูลติดต่อที่ถูกต้องและครบถ้วน
อย่าลืมให้ข้อมูลการติดต่อที่ถูกต้องและครบถ้วน ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล อีเมล เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ (หากจำเป็น) และลิงก์ไปยังโปรไฟล์ LinkedIn (หากมี) ควรใช้ที่อยู่อีเมลที่ดูเป็นมืออาชีพ และตั้งค่าข้อความเสียงบนโทรศัพท์ให้เหมาะสม - อ่านทวนและตรวจทานประวัติ
ก่อนส่งประวัติไปยัง บริษัทจัดหางาน ให้ใช้เวลาอ่านทวนและตรวจทานเนื้อหาทั้งหมดอย่างละเอียด ตรวจสอบข้อผิดพลาดในการสะกดคำ ไวยากรณ์ หรือการใช้เครื่องหมายวรรคตอน อาจให้เพื่อนหรือคนรู้จักช่วยอ่านทวนและให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เมื่อแน่ใจแล้วจึงส่งประวัติในรูปแบบไฟล์ PDF ที่มีชื่อไฟล์สื่อความหมาย เช่น "FirstName_LastName_Resume.pdf" - ปรับประวัติให้เหมาะกับแต่ละตำแหน่ง
สุดท้ายนี้ อย่าลืมปรับแต่งประวัติให้เหมาะกับแต่ละตำแหน่งที่คุณสมัคร ให้เน้นทักษะ ประสบการณ์ และผลงานที่ตรงกับความต้องการของนายจ้างมากที่สุด ใช้คำหลักหรือ Keywords ที่พบบ่อยในประกาศรับสมัครงาน และปรับเปลี่ยนบทสรุปให้สอดคล้องกับแต่ละบริษัท การปรับประวัติแต่ละครั้งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการถูกเรียกสัมภาษณ์งานและได้รับการว่าจ้างในที่สุด
การทำประวัติที่ดีและน่าสนใจเป็นปัจจัยสำคัญในการสมัครงานผ่าน บริษัทจัดหางาน หากทำตามเคล็ดลับข้างต้นอย่างครบถ้วน คุณจะมีประวัติที่พร้อมส่งให้บริษัทและนายจ้างพิจารณา เพิ่มโอกาสในการได้รับการติดต่อกลับและเริ่มต้นอาชีพในสายงานที่ใฝ่ฝัน อย่าลืมว่าการมีประวัติที่โดดเด่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น คุณยังต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการสัมภาษณ์งานและแสดงให้นายจ้างเห็นถึงศักยภาพและความกระตือรือร้นของคุณในการทำงานด้วย