การ ล้างแอร์รถยนต์ เป็นส่วนสำคัญของการดูแลรักษารถ ที่ช่วยให้ระบบปรับอากาศทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อากาศภายในรถบริสุทธิ์ ไม่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ และส่งผลดีต่อสุขภาพของผู้โดยสาร แต่หลายคนยังสงสัยว่าควรล้างแอร์รถเมื่อไหร่จึงจะเหมาะสม ซึ่งมีคำแนะนำดังนี้
- ล้างแอร์รถยนต์ ตามระยะเวลาหรือระยะทางที่กำหนด
1.1 โดยทั่วไปควร ล้างแอร์รถยนต์ ทุก 6 เดือน ถึง 1 ปี หรือทุกๆ 10,000-20,000 กิโลเมตร แล้วแต่อย่างใดจะถึงก่อน
1.2 ระยะเวลาดังกล่าวเป็นเพียงค่าเฉลี่ยโดยประมาณ ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและลักษณะการใช้งานรถด้วย
1.3 หากขับรถในเมืองที่มีมลพิษสูง ฝุ่นเยอะ หรือใช้งานรถหนัก ควรล้างแอร์บ่อยขึ้น ประมาณ 3-6 เดือนต่อครั้ง - สังเกตอาการผิดปกติของแอร์รถ
2.1 หากมีกลิ่นเหม็นอับ เหม็นอับ หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมาจากช่องแอร์ แสดงว่ามีเชื้อรา แบคทีเรีย สะสมในระบบ ควรรีบ ล้างแอร์รถยนต์ โดยเร็ว
2.2 ถ้าประสิทธิภาพการทำความเย็นของแอร์ลดลง แอร์ไม่เย็นเหมือนเดิม หรือเป่าลมอ่อน อาจเกิดจากคอยล์เย็นอุดตัน ควรทำความสะอาด
2.3 เมื่อเปิดแอร์แล้วมีอาการแน่นหน้าอก มีผื่นคัน หรือเป็นภูมิแพ้ อาจเป็นเพราะแอร์สกปรก มีเชื้อโรคสะสม จำเป็นต้องล้างแอร์เพื่อสุขภาพ - ล้างแอร์รถยนต์ หลังจากจอดรถทิ้งไว้เป็นเวลานาน
3.1 เมื่อไม่ได้ใช้รถเป็นเวลานาน เช่น หลายสัปดาห์หรือหลายเดือน จะทำให้ความชื้นสะสมในระบบแอร์ ก็ถือว่าจำเป็นในการ ล้างแอร์รถยนต์
3.2 ความชื้นจะทำให้เชื้อรา แบคทีเรีย เกิดการเจริญเติบโตได้ดี ทำให้อากาศเสีย มีกลิ่นอับ
3.3 ดังนั้นหลังจากจอดรถทิ้งไว้นาน ควรสตาร์ทเครื่องยนต์และเปิดแอร์ทิ้งไว้สักพัก แล้วจึงนำรถไปล้างแอร์ - ล้างแอร์รถยนต์ ยามฤดูฝน
4.1 ในช่วงฤดูฝน อากาศมีความชื้นสูง ซึ่งเป็นสภาวะที่เหมาะต่อการเติบโตของเชื้อโรคในระบบแอร์
4.2 น้ำฝนที่ไหลผ่านกระจกหน้ารถ ยังอาจพาเอาฝุ่นละอองเข้าไปสะสมอุดตันที่แผ่นกรองแอร์ด้วย
4.3 การล้างแอร์หลังผ่านพ้นช่วงฤดูฝนไปแล้ว จะช่วยขจัดเชื้อโรคและฝุ่นสะสม ทำให้อากาศบริสุทธิ์ได้อีกครั้ง - ล้างแอร์รถยนต์ ก่อนเข้าร้อนหรือก่อนฤดูหนาว
5.1 ช่วงรายต่อระหว่างฤดู ไม่ว่าจะเป็นก่อนเข้าร้อนหรือก่อนเข้าหนาว ควรหาโอกาสล้างแอร์สักครั้ง
5.2 เพราะตลอดฤดูที่ผ่านมา มักมีการใช้งานแอร์อย่างหนัก ทำให้มีเชื้อโรคและสิ่งสกปรกสะสมเป็นจำนวนมาก
5.3 การ ล้างแอร์รถยนต์ จะช่วยฆ่าเชื้อโรค ทำความสะอาดระบบ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการใช้งานในฤดูต่อไป
ทั้งนี้ความถี่ในการ ล้างแอร์รถยนต์ อาจแตกต่างกันไปตามสภาพแวดล้อม พฤติกรรมการใช้รถ และจำนวนผู้โดยสารเป็นหลัก หากมีผู้สูบบุหรี่ในรถเป็นประจำ มีสัตว์เลี้ยงนั่งรถด้วย ใช้รถในพื้นที่ฝุ่นเยอะ หรือขับรถติดๆดับๆในเมือง อาจต้องล้างแอร์ให้บ่อยขึ้นเป็นพิเศษ
นอกจากนี้ควรสังเกตการทำงานของระบบแอร์ในรถอยู่เสมอ หากสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เช่น มีกลิ่นเหม็น ลมแอร์อ่อน หรือแอร์ไม่ค่อยเย็น ก็ไม่จำเป็นต้องรอตามกำหนดการ สามารถนำรถเข้าล้างแอร์ได้ทันที เพื่อแก้ปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่ปล่อยให้ลุกลามจนเสียหายมากขึ้น ทั้งนี้การดูแลรักษาระบบแอร์รถอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เราได้รับอากาศบริสุทธิ์ในรถ รู้สึกสดชื่น ไม่เป็นโรคภูมิแพ้ และยืดอายุการใช้งานแอร์ได้อย่างคุ้มค่าในระยะยาวอีกด้วย
