ในการส่งออกสินค้าไปจำหน่ายยังต่างประเทศนั้น ซึ่งเป็นปกติตามวิสัยทั่วๆไป หากสินค้าพบความบกพร่อง หรือ ไม่ได้คุณภาพตามความต้องการของผู้ซื้อ หรือ ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดๆ ที่ทางผู้ซื้อ หรือ ผู้นำเข้าจากต่างประเทศ มักจะมีปัญหาในการนำสินค้าที่ส่งออกจากประเทศเข้าไปในประเทศของผู้ซื้อ เช่น เกิดโรคระบาด สินค้าไม่ตรงตามความต้องการของผู้ซื้อ ส่งสินค้าผิดชนิดประเภท หรือ ผิดสถานที่ ไม่มีใบอนุญาตนำเข้า เป็นต้น
เมื่อทางผู้ประกอบการส่งออก ได้ส่งสินค้าออกไป และ ต้องการนำเข้าสินค้าที่ส่งออกนั้นกลับเข้ามาในประเทศเพื่อปรับปรุงคุณภาพ ติดฉลาก ทำลาย หรือ ส่งไปยังประเทศอื่นๆก็ตาม หากนำเข้ามาในราชอาณาจักร จะต้องมีภาระทางภาษีอากร ไม่ว่าของนั้นจะผลิตในประเทศ หรือ ไม่ก็ตาม แต่อย่างไรก็ดีทางกฎหมายศุลกากรได้กำหนดไว้ หากพิสูจน์ได้ว่าของนั้นเป็นของที่ส่งออกจากประเทศไทย ย่อมได้รับสิทธิในการยกเว้นค่าภาษีอากรตามพระราชกำหนดพิกัดศุลกากร พ.ศ. 2530 ภาคที่4 ประเภทที่ 1 โดยมีเงื่อนไขตามประเด็นต่างๆดังต่อไปนี้
- ของที่ส่งออกจากประเทศไทย และ มีใบขนสินค้าขาออกรวมถึงของที่ส่งกลับออกไป
- ของนั้นจะต้องไม่มีเปลี่ยนแปลงลักษณะรูปร่างของสินค้าที่ถูกส่งออกไป และ นำกลับเข้ามา
- ของนั้นจะต้องนำกลับเข้ามาภายใน 1 ปี นับจากวันที่ส่งออกไป
- ในเวลาที่ส่งออกนั้นได้รับใบสุทธิสำหรับนำกลับเข้ามา
สำหรับของที่ส่งออกไปจำหน่าย หรือ ส่งกลับออกไปตามปกติ ทางผู้ส่งออกไม่ได้ทำใบสุทธิเข้ามาไว้ในขณะที่ทำการส่งออก ยกเว้นแต่ของนั้นทราบตั้งแต่ต้นมาแล้วว่าจะนำกลับ เช่น ส่งออกไปแสดงเป็นตัวอย่างสินค้า หรือ ส่งออกไปด้วยวัตถุประสงค์ใดๆ แต่จะมีเงื่อนไขที่จะต้องนำกลับเข้ามาในประเทศ จึงทำใบสุทธินำกลับเอาไว้ส่วนสินค้าทั่วไปที่ส่งไปจำหน่าย และ มีความจำเป็นที่จะต้องนำกลับเข้ามา โดยสามารถพิสูจน์ได้ตามเงื่อนไขทั้ง 4 ประเด็นย่อมมีสิทธิที่จะได้รับยกเว้นอากรนำเข้าสำหรับสินค้าที่ถูกส่งออกไป ทั้งนี้สินค้าดังกล่าวนั้นจะต้องมีการขอใบอนุญาตจากหน่วยงานต่างๆ ก็ต้องตรวจสอบก่อนนำกลับว่า ต้องนำไปผ่านหน่วยงานที่ควบคุมการนำเข้า หรือ ส่งออก หรือ ไม่ แต่ถ้ามีต้องไปดำเนินการเรื่องใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับสินค้านั้นๆด้วย
อีกประเด็นที่ต้องให้ความสนใจ คือ เรื่องของการคืนเงินค่าอากร สำหรับสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรในขณะที่ส่งออก เช่น มาตรา 29 ชดเชยอากร และ บีไอโอ เป็นต้น จะต้องดำเนินการตรวจสิทธิในการขอคืน หรือ ตัดบัญชีวัตถุดิบก่อนการขออนุมัติยกเว้นอากร หากมีการขอคืนอากรแล้วต้องนำเงินอากรนั้นๆมาชำระคืนแก่ทางศุลกากร ส่วนบีโอไอ หากตัดบัญชีวัตถุแล้วไม่ต้องเสียเวลาในการดำเนินการขอทำเรื่องผ่อนผันใบสุทธินำกลับ ทางผู้ส่งออกจะต้องชำระภาษีอากรเท่านั้น ยกเว้นได้ทำการขออนุมัติกับทางบีโอไอ ในการยื่นสต๊อคในการนำกลับไว้ สามารถขอใบอนุมัติการส่งปล่อยกับทางบีไอโอ เพื่อนำมาประกอบการขอยกเว้นอากร
ประเด็นสำคัญอีกประเด็นคือ ทางผู้ส่งออกให้ความสำคัญคือค่าภาระค่าใช้จ่ายในการนำกลับเข้ามา ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินพิธีการศุลกากร และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มากกว่าระยะปกติสำหรับการออกของทั่วๆไปควรดำเนินการขอลดหย่อนค่า Demurrage หรือ ค่าไปหากเป็นของที่ต้องมีอุปกรณ์ทำความเย็นกับทางสายเรือเอาไว้ตั้งแต่แรกก่อนนำเข้ากลับมา
และ ต้องเตรียมการด้านเอกสารให้พร้อมก่อนที่ให้ทางผู้ซื้อส่งสินค้ากลับเข้ามา เพื่อช่วยภาระค่าใช้จ่ายของที่ต้องชำระให้กับทางสายเรือ และ ทางการท่าในเรื่องค่า Rent การขอยกเว้นอากรสำหรับสินค้านำกลับเข้ามาจะต้องมีการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะนำเข้ามาทั้งด้านเอกสาร และ ความถูกต้องในทุกๆมิติที่เกี่ยวข้องทั้งทางศุลกากร หน่วยงานที่ควบคุมใบอนุญาตนำเข้า-ส่งออก สายเรือ หรือ ผู้ที่เกี่ยวข้องที่ทางผู้ส่งออกใช้บริการตัวแทนในแต่ละประเภทของกิจกรรมด้านพิธีการศุลกากร ต้องทำการประสานงานในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกันก่อนทุกครั้ง เพื่อที่จะนำกลับเข้ามาช่วยลดระยะในการออกของ และ ค่าใช้จ่ายของผู้ส่งออกได้
At-once เองได้ รวบรวม ข้อมูลบริษัทขนส่ง บริษัทนำเข้า-ส่งออก บริษัทตัวแทนออกของ และ บริษัทโลจิสติกส์ไว้มากมาย คุณสามารถติดต่อกับบริษัทที่คุณสนใจได้โดยตรงที่ Website ของทางเรา ครับ
