สินค้าในแต่ละประเภทนั้น ต่างก็มีวิธีการจัดการขนส่งที่แตกต่างกันออกไปตามปัจจัยต่างๆมีทั้งสินค้าประเภทที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ และ ไม่จำเป็นต้อดูแล ซึ่งเราสามารถที่จะเลือกใช้วิธีการขนส่งสินค้าได้หลากหลายวิธี โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการขนถ่ายสินค้า ซึ่งในหัวข้อวันนี้ เราจะมาทำความรู้จักสินค้าที่อันตรายที่จะจัดส่ง โดยมี ทริปทั้ง 5 นำมาเพื่อให้ได้ศึกษากันครับประเภทสินค้าอันตรายนั้นถูกแบ่งออกทั้งหมด มาเป็น 9 ประเภท ตามลักษณะของความอันตราย เช่น ไวไฟ เป็นพิษ กัดกร่อน กัมมันตรังสี และ ระเบิด เป็นต้น หากสินค้าอันตรายนั้นไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี อาจจะเกิดกรณีที่สร้างความเสียหายต่อร่างกาย ทรัพย์สิน และชุมชนสิ่งแวดล้อมอย่างร้ายแรง สินค้าอันตรายที่มีสถานะเป็นทั้งของแข็งและของเหลวหรือก๊าซนั้น จะมีอุณหภูมิทั้งร้อนและเย็น บ้างก็อาจจะเกิดกลิ่นฉุน หรือ บางชนิดอาจจะไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ส่วนความอันตรายนั้นมีเพียงเล็กน้อยเช่น เวียนหัว แสบจมูก แต่อาจจะรุนแรงไปจนกระทั่งเสียชีวิตได้

5 เคล็ดลับนี้ เราจะแนะนำเกี่ยวกับการจัดส่งสินค้าอันตรายอย่างปลอดภัย
1.รู้จักสินค้าอันตรายของคุณ
สินค้าที่ดูเหมือนจะไม่มีพิษมีภัยนั้น อย่างเช่น ลูกปิงปอง ยาทาเล็บ สี หรือ น้ำหอม ในการขนส่งสินค้าอาจจะถูกประเมินเป็นสินค้าอันตรายได้ เพราะสินค้าที่ยกตัวอย่างมาข้างต้นนี้ อาจจะมีส่วนประกอบของสารที่เป็นอันตราย ซึ่งข้อมูลของสารประกอบนี้ มีคุณสมบัติทางเคมีและกายภาพ มีความเสถียรและความไวต่อการเกิดปฏิกิริยาเป็นอย่างมาก
2.ปฏิบัติตามข้อบังคับการขนส่งสินค้าที่อันตราย
การขนส่งสินค้าที่อันตรายนั้น มีการควบคุมอย่างเข้มงวดในทุกขั้นตอนของการขนส่ง และนอกจากความยุ่งยากในการปฏิบัติตามข้อบังคับแล้วนั้น กฎระเบียบเหล่านี้ยังมีความแตกต่างกันในแต่ละโหมดของการขนส่ง ซึ่งข้อจำกัดของแต่ละประเทศ หรือแม้แต่การขนส่งระหว่างรัฐภายในประเทศเอง ทั้งนี้จึงมีการออกกฎระเบียบต่างๆหรือข้อตกลงระดับสากล มาใช้ให้เป็น มาตรฐานเดียวกันในการขนส่ง ซึ่งทางทะเลจะใช้ IMDG ซึ่งกำหนดขึ้นมาเพื่อปกป้องความปลอดภัยของลูกเรือ ป้องกันการเกิดมลพิษจากการรั่วไหล ปนเปื้อนสินค้าที่อันตรายออกสู่ทะเล และทางอากาศนั้นใช้ IATA เข้ามาใช้สำหรับการบริการ การปฏิบัติงานเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยงาน และ ให้มีการขนส่งไปเป็นอย่างที่เรียบร้อยและปลอดภัย

3.ปฏิบัติตามขั้นตอนการบรรจุหีบห่อสินค้าอย่างเคร่งครัด
การจัดเรียงสินค้าอันตรายนับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ เช่นการ ขนส่งสินค้าทั่วไปและสินค้าอันตรายร่วมกันในตู้คอนเทนเนอร์ อาจจะมีการวางสินค้าอันตราบให้อยู่ด้านนอกใกล้กับประตู เพื่อง่ายต่อการเข้าถึง และ สามารถแยกสินค้าอันตรายเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินได้ทันที
4.ตรวจสอบให้มั่นใจว่าบรรจุภัณฑ์เหมาะสมสำหรับสินค้าอันตราบที่คุณกำลังบรรจุ
ซึ่งวัสดุที่ใช้ในการหีบห่อสินค้าประเภทอันตรายนั้น จำเป็นที่จะต้องผ่านการคัดเลือกและออกแบบมาใช้งานให้เหมาะสมกับประเภทสินค้า เนื่องจากวัสดุของบรรจุภัณฑ์ต้องไม่ทำปฏิกิริยากับสินค้าอันตราย รวมถึงต้องช่วยป้องกันให้สินค้ายังคงสภาพเดิม ไม่รั่วไหลหรือเสียหาย ป้องกันการรั่วซึมหรือควบคุมอุณหภูมิของสินค้า เนื่องจากสินค้าบางประเภทนั้น อาจจะได้รับผลกระทบจากความชิ้น การควบแน่น หรือความร้อน
5.ฝึกอบรบบุคลากรที่เกี่ยวข้องให้มีความรู้ความเข้าใจต่อสินค้าอันตรายและตระหนักถึงความปลอดภัย
ต่อให้กฎระเบียบ ข้อบังคับ คู่มือการปฏิบัติงานถูกคิดค้นและเขียนอย่างรัดกุม ครอบคลุมแค่ไหนก็ตาม ความปลอดภัยที่จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากผู้ที่เกี่ยวข้องนั้นไม่ตระหนักถึงความสำคัญ และนำมาปฏิบัติจริง ซึ่งพนักงานในแต่ละส่วนนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการฝึกอบรมให้เหมาะสมในแต่ละบทบาทของตนเอง

ซึ่งสรุปได้ว่า การจัดส่งสินค้าประเภทอันตรายนั้นจะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเป็นอย่างสูง และ มีแง่มุมต่างๆที่ต้องพิจารณาและเตรียมความพร้อมอย่างรอบคอบ
ซึ่งในแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างต้องตระหนักถึงความปลอดภัย และ ปฏิบัติตามข้อบังคับอย่างเคร่งคัด ตั้งแต่การจัดเตรียมเอกสาร ป้ายสัญลักษณ์ การติดฉลาก รวมถึงการปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายจราจรอย่างเข้มงวด
ถ้าหากคุณมีความสงสัยในเรื่องนี้ สามารถ เข้ามายัง Website ของเราเพื่อติดต่อสอบถามข้อมูลการให้บริการต่างๆจากทางบริษัทชั้นนำใน Website เรา เนื่องจากทาง Website ของเรา เป็นผู้รวบรวมรายชื่อบริษัท ที่ให้บริการอย่างหลากหลาย หนึ่งในนั้นก็คือ โลจิสติกส์ นำเข้า ส่งออก คุณสามารถเข้ามาติดต่อสอบถามกับบริษัทที่คุณสนใจได้ใน Website ของเรา และสามารถติดต่อสอบถามการให้บริการของเราได้ที่ Facebook ครับ