ก่อนตัดสินใจสร้างบ้าน เจ้าของบ้านควรเตรียมพร้อมในเรื่องต่างๆ เพื่อให้เห็นภาพรวมของบ้านทั้งหลังก่อนการดำเนินการ และก่อนสายเกินแก้ เพื่อสามารถช่วยให้ได้บ้านในแบบที่ต้องการได้อย่างราบรื่น เสร็จลุล่วงตามเวลาที่วางแผนไว้ โดยสามารถตรวจสอบที่ผู้ชำนาญด้านการก่อสร้างหรือการก่อสร้างบ้านให้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยให้คำแนะนำและควบคุมระหว่างการก่อสร้างให้กับเรา
1.แบบในการก่อสร้าง
ในการก่อสร้างในแต่ละครั้งนั้น นอกจากจะออกแบบดีไซน์ได้ดูดีแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้อีกอย่างหนึ่งเลยคือ แบบในการก่อสร้าง เพื่อที่ต้องการจะบอกรายละเอียดต่างๆ ตามแบบ ดังต่อไปนี้

แบบสถาปนิก
หน้าที่ของสถาปนิกจะทำหน้าที่จะเขียนแบบออกมา ได้แก่ แบบแปลน รูปด้าน รูปตัด และแบบขยายต่างๆ ที่สามารถใช้ช่างได้ทราบเป็นระยะในการทำงานอย่างละเอียด รวมถึงรายละเอียดของวัสดุก่อสร้างที่ใช้ในแต่ละส่วน เช่น วัสดุปูพื้น ผนัง ประตู หน้าต่าง เป็นต้น
แบบโครงสร้าง
แบบนี้ถือเป็นส่วนที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะความแข็งแรงของตัวบ้านขึ้นอยู่กับแบบในส่วนนี้โดยเฉพาะ โดยแบบโครงสร้างนั้นจะต้องผ่านการออกแบบ และคำนวณมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น การกำหนดฐานราก ขนาดเสา ขนาดคาน และขนาดเหล็กต่างๆ มาให้อย่างละเอียด
แบบไฟฟ้า
เป็นแบบที่จะบอกรายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวกับระบบไฟฟ้าทั้งหมด เช่น ระบบแสงสว่าง จะมีการบอกชนิดของดวงโคม ตำแหน่งการติดตั้งตำแหน่งเต้ารับต่างๆ การระบุตำแหน่งเครื่องปรับอากาศ และเครื่องทำน้ำอุ่น - น้ำร้อน เพื่อให้ช่างก่อสร้างทำงานได้อย่างง่าย
แบบสุขาภิบาล
เป็นการวางระบบน้ำดี – น้ำเสีย รวมไปถึงการวางระบบระบายน้ำที่บำบัดแล้วออกจากตัวบ้านไปสู่สาธารณะ ซึ่งหากที่ดินไม่มีทางระบายน้ำสาธารณะ จะเป็นการวางระบบบ่อเกรอะ บ่อซึมแทนตามความเหมาะสมของสถานที่นั้นๆ ไป
2.การก่อสร้างตามหลักวิศวกรรม

วิศวกรรมก่อสร้างจะเป็นผู้ที่รับผิดชอบด้านการก่อสร้างและการจัดการ สิ่งที่สำคัญ คือ ต้องสามารถเรียนรู้และแปลผลจากแบบในพิมพ์เขียวให้ออกเป็นสิ่งก่อสร้างจริงๆ ได้ โดยทุกรายละเอียดที่อยู่ในแบบที่ได้มานั้น จะต้องถูกตรวจสอบอย่างละเอียด และมีการวางแผนงานการก่อสร้างให้ตรงตามแบบนั้นๆ นอกจากการวางแผนก่อสร้างแล้ว วิศวกรก่อสร้างยังต้องประเมินราคา ระยะเวลา และมาตรฐานของที่ใช้ในการก่อสร้างอีกด้วย ยังต้องคอยดูแลเรื่องการทำงานของคนงานที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคนงานก่อสร้าง สถาปนิก นักออกแบบ ช่างไฟฟ้า และช่างประปา ทั้งนี้ วิศวกรก่อสร้างยังต้องคอยดูแลเรื่องกฎหมายการก่อสร้างที่เกี่ยวข้อง และทำให้มั่นใจว่าการดำเนินการในการก่อสร้างเป็นไปอย่างถูกต้อง รวมไปจนถึงการตรวจสอบวัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ว่าให้ได้มาตรฐาน และระหว่างดำเนินการก่อสร้างให้มีระบบความปลอดภัยที่ดี
3.สเปควัสดุ

การระบุประเภทของวัสดุ ยี่ห้อ จำเป็นต้องมีการตรวจสอบตั้งแต่เริ่มจนกระทั่งส่งมอบงาน เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในเรื่องของมาตรฐานหรือคุณภาพของวัสดุ และหากไม่สามารถหาวัสดุได้ตามที่กำหนดไว้จริงๆ ก็ต้องมีการจัดหาวัสดุที่มีคุณภาพเทียบเท่าหรือดีกว่ามาใช้ โดยเราจะสามารถเช็ครายการวัสดุนี้ได้ที่เอกสารแนบท้ายสัญญา สำหรับวัสดุที่จำเป็นต้องมีการระบุรายละเอียด มีดังนี้
- หลังคา
- โครงสร้าง
- ฝ้า
- ผนัง
- สุขภัณฑ์
- ประตู-หน้าต่าง
- พื้น
4.กำหนดการส่งมอบงาน

ระยะเวลาการก่อสร้างจะต้องระบุระยะเวลาในแต่ละหมวดงานจะมีทั้งทำก่อนทำหลัง โดยสามารถทำคู่ขนานกันได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สามารถควบคุมได้ทั้งสิ้น โดยการตรวจสอบแบบโครงสร้างให้ถูกต้อง เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้า และตามความเหมาะสมในงานภายใต้ความเสียหายที่ต่ำที่สุด
ทั้งนี้ การก่อสร้างบ้านถือเป็นการสร้างความสุขของผู้อยู่อาศัย อย่าทำให้ระยะเวลาการก่อสร้างเป็นสิ่งที่ไม่น่าจดจำ ดังนั้น ควรเลือกใช้บริการกับบริษัทรับสร้างบ้านที่ดีหรือการจ้างที่ปรึกษาก็เป็นทางออกทางหนึ่ง เพื่อให้ความคืบหน้าของการก่อสร้างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ และตรงกับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเป็นหลัก
แนะนำบริษัทที่ให้บริการรับเหมาก่อสร้าง
ที่มา: www.builk.com
ที่มา: www.ar93design.com
ที่มา: www.home.co.th
