การค้าขายทั่วโลกนั้นมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ในปี 1980 เป็นต้นมา ซึ่งระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมานั้น มากกว่าครึ่งหนึ่งของเศรษฐกิจโลกเน้นการค้าขายในเมืองใหญ่มากกว่า 600 แห่งที่เศรษฐกิจอยู่ระหว่างการพัฒนา และได้มีผู้คนกว่าพันล้านคนในเมืองเหล่านี้ ทำให้เกิดพลังการอุปโภคบริโภคมหาศาล ซึ่งนับเป็นการพัฒนาทางธุรกิจที่มีการขยายตัวอย่างมากที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์
แล้วการขนส่งระหว่างประเทศ จะเป็นอย่างไรล่ะ? ซึ่งแน่นอน การขนส่งระหว่างประเทศได้รับผลกระทบอย่างมาก ในห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการค้าขาย โมเดลการขนส่ง เศรษฐกิจโลก ตลอดจนพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย เรามาดูกันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้นี้ทำให้เกิด 12 เทรนด์และเพิ่มอีก1ความท้าทายโลจิสติกส์ในอนาคตอย่างไร
1.การเติบโตของโลจิกติกส์
จากการที่ การค้าโลก จะไม่ได้ถูกขับเคลื่อนโดยเอเชียอีกต่อไป รูปแบบการค้าขายนั้นจะไม่สามารถที่จะคาดเดาได้ เพราะเหตุนั้นการขนส่งทั้งในประเทศและระหว่างประเทศจะต้องมี ความยืนหยุ่น มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หรืออาจจะกล่าวได้ว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจจะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้สำหรับผู้ประกอบการที่ระมัดระวังและมีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลา
2.การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรจะอยู่ที่ส่วนกลาง
หรือนั้นก็คือ ในเมืองใหญ่ที่ซึ่งการค้าขายทั้งส่งและปลีกจะเติบโตขึ้นอย่างมาก ซึ่งเป็นปัญหาสำหรับผู้ให้บริการที่ทำธุรกิจต่างประเทศที่ outsource งานไปยัง vemdor ที่อยู่ทางไกล และอาจจะทำให้ค่าขนส่งและค่าแรงงานนั้นเพิ่มสูงขึ้น
3.การเติบโตในทางเศรษฐกิจ
ซึ่งการเติบโตในทางเศรษฐกิจจะกลายเป็นสิ่งที่ขึ้นอยู่กับ การขนส่งและโครงสร้างพื้นฐาน เพราะชุมชนที่มีทรัพยากรที่สามารถลงทุนได้ด้านต่างๆได้จะมีขยายตัวในการอุปโภคบริโภคของประชากรมาก และต้องอาศัยในส่วนของการลำเลียงทรัพยากรไปยังที่ต่างๆอย่างทั่วถึง
4.ความยืนหยุ่นทางด้านโลจิสติกส์
ความยืนหยุ่นทางด้านโลจิสติกส์จะกลายเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จของชุมชนกำลังเติบโต โดยผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์นั้น จะต้องตอบสนองในส่วนของความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย การขนส่งในปริมาณน้อยแต่บ่อยมากขึ้น และ ขนส่งไปยังปลายทางที่อยู่ห่างไกลหลากปลายทางมากขึ้น เนื่องจากผู้ขายนั้นมีความกังวลเรื่องการ Stock สินค้าที่มากเกินกว่าความจำเป็น ซึ่งผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์นั้นไม่มีทางเลือกมากนักนอกจากการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการกระจายสิ้นค้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
5.โลกาภิวัฒน์
ได้กลายเป็นกลยุทธ์การเจริญเติบโตที่สำคัญสำหรับบริษัทใหญ่ๆ ในโลก ที่มุ่งทำการค้าระหว่างประเทศตามรูปแบบการค้าของโลก
6.อุตสาหกรรมใกล้ฝั่ง
เมื่อค่าแรง ค่าขนส่งทีมีการเพิ่มขึ้นในแถบเอเชียนั้น ทำให้จุดคุ้มทุนของผู้ผลิตและเจ้าของธุรกิจสูงขึ้น ซึ่งการ outsourec งานที่ห่างจากชายฝั่งเคยใช้เป็นกลยุทธ์เพื่อลดต้อนทุนการผลิต แต่ต่อจากนี้ไป การ outsource งานใกล้ชายฝั่งกลายเป็นหนึ่งทางเลือกที่ดีกว่า ด้วยการลดระยะทางระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภคปลายทางให้สั้นลงแทน ซึ่งจะทำให้มีการเติบโตของเศรษฐกิจของชุมชนที่เกิดขึ้นตามมา
7.การจัดหาจากหลายช่องทาง
การเคลื่อนตัวครั้งต่อไปของผู้บริโภคนั้นคือ การใช้งานเครื่องมือดิจิตอลผ่านช่องทางต่างๆ เช่น eBay การเลืกซื้อสินค้าจากเว็ปไซต์ Amazon หรือ Alibaba เป็นต้น รวมถึงการเลือกที่จะเป็นสมาชิก รายปีแบบที่ซื่อสินค้าฟรีค่าขนส่งอีกด้วย
8.เทคโนโลยีสารสนเทศ
ซึ่งความต้องการทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในทุกวันนี้ มักจะมีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก และจะซับซ้อนขึ้นไปอีกในทศวรรษหน้า ทรัพยากรต่างๆอาจจะยากในช่วงแรกของ AEC ดังนั้น โครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นจะต้องถูกสร้างเพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าว
9.ความต่อเนื่องในการให้บริการ
การ outsource ผู้ขนส่งท้องถิ่น และ โมเดลทางเลือกต่างๆจะเกิดขึ้นบ่อย เพราะผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์พยายามที่จะให้บริการขนส่งแบบ small-lot order ไปยังปลายทางที่ห่างไกลตามความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นและหลากหลายของลูกค้า ดังนั้น ความเสี่ยงในการส่งแล้วล่าช้าอาจจะเพิ่มขึ้น
10.การพัฒนาอย่างยั่งยืน
เนื่องจากภาวะถดถอยของโลกในช่วงทศวรรษที่ผ่านมานั้น ได้สอนให้ผู้บริโภคไม่เพียงแต่จะกระจายลงทุนให้หลากหลายและเกิดความประหยัดมากขึ้น แต่พวกเขายังจะต้องพิจารณาถึงสินค้าที่ตัวเองจะซื้อด้วย นั้นซึ่งหมายความว่า ผู้บริโภคให้ความสนใจที่จะซื้อสินค้าที่ดี ไม่มีผลกระทบทางด้านลบต่อสิ่งแวดล้อม
11.การเชื่อฟังและปฏิบัติตาม
ซึ่งการต่อต้านการติดสินบน และ การทุจริตการออกกฎหมาย มีผลกระทบเพิ่มมากขึ้นในห่วงโซอุปทาน เนื่องจากบริษัทข้ามชาติต่างก็เรียกร้องไม่ให้มีการจ่ายเงินเพื่ออำนวยความสะดวกในการส่งออกสินค้าพวกเขา แล้วยังคงพยายามหาแหล่งทำธุรกิจในประเทศที่คาดว่าต้นทุนในดำเนินธุรกิจต่ำ
12.ความร่วมมือระดับโลก
จะเป็นอีกทางหนึ่งที่เห็นได้ชัดที่ผู้ผลิตพยายามที่จะหาผู้ร่วมดำเนินธุรกิจ ที่สามารถตอบโจทย์ในส่วนของ จุดคุ้มทุนได้ดีกว่าการดำเนินการธุรกิจเพียงลำพัง
ทั้งนี้ ความท้าทายอีกหนึ่งอย่างที่เกิดขึ้น ก็คือ การเข้าถึงและความโปร่งใสในการดำเนินงานแบบสากล จะกลายเป็นสิ่งที่สำคัญและเป็นความต้องการในดำเนินงานอันดับแรกอีกด้วย ที่ผู้ให้บริการด้านโ,จิสติกส์นั้นต่างก็มุ่งหมายที่จะให้มี เพราะส่งผลต่อการปฏิบัติงานรวมถึงความน่าเชื่อถือขององค์กรและคู่ค้าทางธุรกิจอีกด้วย
ขอบคุณภาพปกจาก: unsplash
ที่มา: scglogistics